ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ นายใหญ่ทีมชาติ ฝรั่งเศส แจกแจงถึงการตัดสินใจเปลี่ยนตัวสองสตาร์ออกตั้งแต่ท้ายครึ่งแรกแล้วในเกมชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งสุดท้ายแล้ว เลส์ เบลอส์ พ่ายให้กับ อาร์เจนติน่า ในการดวลลูกโทษตัดสินเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เดส์ชองส์ ตัดสินใจเปลี่ยนตัว โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของชาติ และ อุสมาน เด็มเบเล่ ในช่วงท้ายครึ่งแรกอย่างน่าช็อกโดยไม่คิดรอแก้เกมในช่วงพักครึ่งหลังจากแชมป์เก่าเมื่อสี่ปีก่อนตกเป็นรอง อาร์เจนติน่า ไกลลิบถึง 2-0 ในช่วง 45 นาทีแรกจากการสังหารลูกโทษของ ลิโอเนล เมสซี่ และจากการสับไกของ อังเคล ดิ มาเรีย
ต่อจังหวะดังกล่าว ชิรูด์ ออกอาการฉุนขาดด้วยการเขวี้ยงขวดน้ำลงกับพื้น แต่ เดส์ชองส์ แสดงให้เห็นว่าเขาคิดถูกหลังใช้งาน มาร์คุส ตูราม กับ แรนดัล โคโล่ มูอานี่ ลงสนาม และส่งผลให้ทีมสามารถตีเสมอคู่ต่อกรได้ 2-2
ขณะเดียวกัน หลังจาก คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดแฮททริคให้ทีมตีเสมอ อาร์เจนติน่า เป็น 3-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ โคโล่ มูอานี่ เกือบตอบแทนเจ้านายได้เช่นกันในจังหวะเผด็จศึกก่อนจบเกม 120 นาทีไม่นานซึ่งจะทำให้ทีมเมืองน้ำหอมคว้าขัย 4-3 แต่ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เซฟได้อย่างหวุดหวิดก่อนที่นายทวารทีม แอสตัน วิลล่า จะเป็นฮีโร่ของชาติพาทีมคว้าแชมป์ด้วยการดวลความแม่นเป้า
"หากเราตกเป็นรอง 3-0 เราก็ไม่อาจบ่นอะไรได้อีก เราไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องนานถึงหนึ่งชั่วโมง แต่จากนั้นเราก็มีความกล้าหาญ มีพละกำลัง และมีคุณภาพมากขึ้น เรากดดัน อาร์เจนติน่า อย่างถึงที่สุด" เดส์ชองส์ อธิบาย
"หากผมเปลี่ยนตัวเร็วขนาดนั้น มันก็เป็นเพราะผมไม่พอใจ และผมรู้สึกมั่นใจว่าเราจะดีขึ้นได้"
"มันไม่ได้หมายความว่านักเตะที่ถูกเปลี่ยนตัวออกมีความผิดมากกว่าคนอื่นๆ"