สูสีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

สูสีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
ถ้าไม่ใช่ที่สุด.. คู่ชิงชนะเลิศ อาร์เจนติน่า-ฝรั่งเศส ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็น่าจะเป็นหนึ่งในคู่ชิงชนะเลิศที่สูสีที่สุดและเหมาะสมที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก

ว่ากันตามความรู้สึกส่วนตัวหลังจบรอบรองชนะเลิศ ผมคิดว่าอาร์เจนติน่าเป็นรองฝรั่งเศส แต่ข่าวเรื่องอาการไข้ที่เล่นงานแค้มป์ทีมชาติฝรั่งเศสจนป่วยไปหลายคนในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาอาจทำให้ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากบริษัทรับพนันถูกกฎหมายทั้งหลายกลับกลายเป็นเกมที่เท่ากันอย่างเหลือเชื่อและดูจะพลิกไปทางทีมฟ้าขาวเล็กๆ เสียด้วย

บางเจ้าให้อาร์เจนติน่าเหนือกว่าเล็กน้อย บางเจ้าก็ให้ฝรั่งเศสเหนือกว่าเพียงเสี้ยว บางเจ้าก็ออกอัตราคว้าแชมป์ของทั้งสองทีมเท่ากันไปเลย

มองไม่ออก..

กระนั้นก็เถอะครับ มันก็ยังเป็นคู่ชิงที่สูสีสุดประมาณอยู่ดี

อาร์เจนติน่าคือเต็งสองของรายการก่อนเริ่มทัวร์นาเม้นต์ ขณะที่ฝรั่งเศสเป็นเต็งสาม แต่ก็ด้วยอัตราไม่แตกต่าง บางเจ้ายกให้ทีมตราไก่เหนือกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ (ขณะที่เต็งหนึ่งคือบราซิลทุกสำนัก)

เดิมทีผมตั้งใจจะเขียนเรื่องที่ว่าทีมที่เหนือกว่าในนัดชิงฟุตบอลโลกมักจะไม่ค่อยพลาดกันหรอก หลายครั้งก็ทำให้คู่ชิงที่เป็นรองต้องผิดหวัง บางครั้งถึงขั้นดับความฝันของใครหลายๆ คน

ลองไล่เรียงย้อนกลับไปดูก็ได้ครับ ทีมที่เป็นรองก่อนลงเตะนัดชิงจะพลิกกลับมาคว้าแชมป์โลกนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยเลย

ประมาณว่ากองเชียร์จะหวั่นไหวกับเรื่องอะไรก็ตามสบาย แต่ฟุตบอลโลกไม่ค่อยอินตามไปด้วยหรอก คุณต้องเก่งที่สุดจริงๆ เท่านั้นถึงจะได้ถ้วยแชมป์โลกของเราไปครอง

บางทีมันเลยกลายเป็นแอนตี้ไคลแม็กซ์ ทีมมหาชนหรือนักเตะที่คนทั่วโลกเอาใจช่วยจึงอาจพบกับความผิดหวัง

เรื่องราวทั้งหลายเกี่ยวกับการสร้างตำนานของเมสซี่ในคราวนี้ ความรู้สึกของผมตอนที่เกมรอบตัดเชือกได้บทสรุปใหม่ๆ จึงเกรงว่าอาจจะเป็นเพียงแค่ความฝันที่ไม่เกิดขึ้นจริงต่อไป เหมือนที่ มิเชล พลาตินี่ ไปไม่ถึงแม้กระทั่งเข้าชิง เหมือนที่ ดีเอโก้ มาราโดน่า ป้องกันแชมป์โลกไม่สำเร็จ เหมือนที่ โรแบร์โต้ บาจโจ โยนความฝันทิ้งฟ้า หรือกระทั่งตัวของเมสซี่เองที่ได้เพียงเดินผ่านถ้วยแชมป์โลกเมื่อ 8 ปีก่อน

ฟุตบอลโลกมันก็เป็นอย่างนี้ ไม่เพียงคัดกรองเอาคู่ชิงที่ต้องผ่านเกณฑ์ของมันเข้ามาเท่านั้น แต่ยังแทบไม่ยอมมอบความสมหวังให้กับทีมที่เป็นรองในนัดชิงไม่ว่าจะด้วยผลงานหรือทัพนักเตะหรือความพร้อมต่างๆ เลย

ผมลองไปค้นดูอัตราต่อรองก่อนเตะฟุตบอลโลกนัดชิงที่ผ่านๆ มาก็พบว่าผมไม่ได้คิดไปเองจริงๆ 9 สมัยหลังสุดของนัดชิงฟุตบอลโลกนับตั้งแต่ปี 1986 มีเพียง ฝรั่งเศส ปี 1998 เท่านั้นที่เป็นรองคู่ชิงก่อนลงสนามแล้วคว้าแชมป์ได้

2018 โครเอเชียเป็นรองฝรั่งเศส.. โครเอเชียแพ้ อดสร้างปรากฏการณ์โครแอต

2014 อาร์เจนติน่าเป็นรองเยอรมัน.. อาร์เจนติน่าแพ้ เมสซี่อกหัก

2010 ฮอลแลนด์เป็นรองสเปน.. ฮอลแลนด์แพ้ อัศวินสีส้มยังต้องรอต่อไป

2006 ฝรั่งเศสเป็นรองอิตาลี.. ฝรั่งเศสแพ้ อำลาซีดานด้วยความชอกช้ำ

2002 เยอรมันเป็นรองบราซิล.. เยอรมันแพ้ บัลลัคอดเล่นนัดชิงและเป็นพระรองอีกรายการ

1998 ฝรั่งเศสเป็นรองบราซิล.. ฝรั่งเศสชนะ คว้าแชมป์โลกสมัยแรก

1994 อิตาลีเป็นรองบราซิล.. อิตาลีแพ้ บาจโจฝันสลาย

1990 อาร์เจนติน่าเป็นรองเยอรมันตะวันตก.. อาร์เจนติน่าแพ้ มาราโดน่าร่ำไห้

1986 เยอรมันตะวันตกเป็นรองอาร์เจนติน่า.. เยอรมันตะวันตกแพ้ พลาดแชมป์โลกสองสมัยติด

ย้อนขึ้นไปก่อนหน้านั้นได้แต่เป็นการประเมินเอาแล้วครับว่าก่อนเตะนักวิจารณ์มีมุมมองอย่างไร เพราะผมพยายามหาอัตราต่อรองสำหรับคู่ชิงปีนั้นๆ แล้วก็ไม่เจอ

อย่างในปี 1982 แม้อิตาลีจะเข้าสู่ทัวร์นาเม้นต์ในฐานะม้านอกสายตาโดยแท้เพราะอัตราต่อรองแชมป์ไกลถึง 18/1 แต่ออร่าที่สาดส่องตลอดทางตั้งแต่รอบสองถึงนัดชิงอาจทำให้ทีมอัซซูรี่ถือภาษีเหนือกว่าเยอรมันตะวันตกคู่ชิงก่อนลงสนามก็ได้

ขณะที่ปี 1978 กับ 1974 ก็ได้แต่คาดเอาเช่นกันครับว่าแม้ฮอลแลนด์จะเป็นทีมที่ดีเหลือเกิน แต่คู่ชิงของพวกเขาที่เป็นเจ้าภาพทั้งอาร์เจนติน่าและเยอรมันตะวันตกน่าจะเป็นต่อก่อนลงเตะ

ส่วนปี 1970 นั้นหายห่วง บราซิลที่มีเปเล่ ทอสเทา แจร์ซินโญ่ คาร์ลอส อัลแบร์โต้ นำทัพเป็นต่ออิตาลีแน่ และผลก็ออกมาไม่พลาด

เอาแค่พอคร่าวๆ ก็จะได้เห็นว่าหลังจากคัดสรรคู่ชิงที่เหมาะสม ไม่มีม้ามืดที่ไร้เรื่องราวยิ่งใหญ่ในโลกลูกหนังผ่านเข้ามาถึงวันสุดท้ายแล้ว ฟุตบอลโลกก็ยังเลือกแชมป์โลกของมันอีกต่างหาก นั่นคือทีมที่ดีที่สุดในทัวร์นาเม้นต์จริงๆ ถึงจะเป็นแชมป์

เหนือกว่าคู่ชิงจะมากหรือน้อย คุณก็จะได้แชมป์ มันอาจจะไม่ใช่ทุกครั้งหรอกแต่เป็นส่วนใหญ่ทีเดียวล่ะครับ ถ้าจะมองหาเกมนัดชิงที่พลิกความคาดหมายกันจริงๆ ก็อาจจะมีแค่ 2 ครั้งชัดๆ คือปี 1950 ที่อุรุกวัยโค่นบราซิลที่มาราคาน่า กับปี 1954 ที่เยอรมันตะวันตกสร้างปาฏิหาริย์แห่งเบิร์นแซงชนะฮังการีเท่านั้น

คู่ชิงชนะเลิศสมัยอื่นๆ ที่เหลือแชมป์ก็มักจะตกเป็นของทีมที่เหนือกว่าคู่ชิงของตัวเอง

ฟุตบอลโลกมันละเอียดและช่างเลือกขนาดนี้ เราจึงได้เห็นว่าไม่มีแชมป์โลกครั้งไหนที่ทำให้เรารู้สึกตะขิดตะขวงใจเลยว่าทีมอย่างนี้ สภาพแบบนี้ การเล่นอย่างนี้ เป็นแชมป์โลกได้ยังไง

แชมป์โลกทุกสมัยจึงสง่างาม คู่ควรกับโทรฟี่ของมัน ผ่านความสมบูรณ์แบบมากๆ ของคุณ

ในความรู้สึกเบื้องต้นก่อนวันนี้ ผมจึงคิดว่าสุดท้ายแล้วหลายคนอาจจะไม่ได้เห็นภาพที่อยากเห็น ผมเชียร์ทีมจากละตินอเมริกามาตลอดในฟุตบอลโลก แน่นอนย่อมเชียร์ ลิโอเนล เมสซี่ กับอาร์เจนติน่าในวันนี้ แต่ฝรั่งเศสแข็งแกร่งจริงๆ และฟุตบอลโลกก็ไม่ค่อยมีอารมณ์หวั่นไหวไปกับเรื่องราวเขย่าหัวใจใดๆ เสียด้วย

บางภาพที่คนทั่วโลกอยากเห็น หรือเป็นกระแสที่คนส่วนใหญ่อยากสัมผัส ฟุตบอลโลกอาจยักไหล่ไม่ยี่หระ.. อยากเห็นเมสซี่เป็นแชมป์สักทีน่ะหรือ ยากหน่อยนะ ถ้าคุณยังไม่ดีไปกว่าคู่ชิงของคุณ ก็ให้คู่ชิงคุณได้แชมป์ดีกว่า



ในทีแรกผมรู้สึกลึกๆ อย่างนั้นจริงๆ

แต่เมื่อสถานการณ์ล่าสุดกลับเป็นอย่างนี้ สูสีกันขนาดนี้ เท่ากันชนิดโยนเหรียญหัว-ก้อยแบบนี้ อะไรๆ ก็ชักจะไม่แน่ขึ้นมาเสียแล้ว

ความสูสีสุดประมาณของ อาร์เจนติน่า กับ ฝรั่งเศส มันลึกลงไปในรายละเอียดได้ถึงผลงานตลอดทัวร์นาเม้นต์

ทั้งสองทีมจบรอบแรกด้วยผลงาน ชนะ 2 แพ้ 1 เหมือนกัน มีผลต่างประตูได้เสีย +3 เหมือนกัน (อาร์เจนติน่า ได้ 5 เสีย 2 ฝรั่งเศสได้ 6 เสีย 3)

ในรอบน็อกเอ๊าต์ 3 เกมที่ผ่านมาทั้งสองทีมยังผ่านคู่ต่อสู้จากยุโรป 2 ชาติและไม่ใช่ยุโรป 1 ชาติ ทั้งยังยิง 3 ประตูได้หนึ่งเกม ยิง 2 ประตูได้สองเกม และไม่เสียประตูในรอบตัดเชือกเหมือนกันอีกด้วย (อาร์เจนติน่าชนะออสเตรเลีย 2-1 เสมอฮอลแลนด์ 2-2 ชนะโครเอเชีย 3-0.. ฝรั่งเศสชนะโปแลนด์ 3-1 ชนะอังกฤษ 2-1 ชนะโมร็อกโก 2-0)

ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองทีมยังมีนักเตะที่คั่วดาวซัลโวอย่างเท่าเทียมกันอีกต่างหาก ผมคิดว่าไม่น่าจะเคยมีคู่ชิงฟุตบอลโลกครั้งไหนที่มีสถานการณ์อย่างนี้มาก่อนนะครับ คือมีนักเตะที่กำลังลุ้นดาวซัลโวกันถึงฝั่งละ 2 คน ในจำนวนประตูที่เท่าๆ กันด้วย

ลิโอเนล เมสซี่ กับ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ นำดาวซัลโวคู่กันที่ 5 ประตู

ฮูเลียน อัลวาเรซ กับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นรองดาวซัลโวคู่กันที่ 4 ประตู

สูสีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

ผ่านเกมตื่นเต้นเร้าใจระทึกอารมณ์กันมามากมายตั้งแต่วันแรก ในที่สุดฟุตบอลโลก 2022 ก็คัดสรรคู่ชิงที่เหมาะสมที่สุดให้กับเราแล้วนะครับ

มันเป็นคู่ที่เหมาะสมจริงๆ เต็งสองกับเต็งสามก่อนเริ่มทัวร์นาเม้นต์ ทำผลงานเท่ากัน มีซูเปอร์สตาร์เหมือนกัน มีดาวซัลโวเหมือนกัน มีโอกาสคว้าแชมป์เท่ากัน

ต่างฝ่ายต่างแย่งแชมป์โลกสมัยที่สามกัน ทั้งยังเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีระหว่าง ละตินอเมริกา กับ ยุโรป ที่ไปตัดสินกันในทวีปเป็นกลางอีกต่างหาก

เท่ากันทุกอย่างแบบนี้ล่ะครับ อาร์เจนติน่า-ฝรั่งเศส คู่ชิงชนะเลิศของเราในคราวนี้

ไม่ว่าใครจะเป็นแชมป์ก็คู่ควร น่าชื่นชม และร่วมปรบมือให้จริงๆ ขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับแชมป์โลก 3 สมัยทีมใหม่ด้วยนะครับ

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport
X