กรีซมันน์คนล่าสุด! 5 กองหน้าแปลงร่างเป็นมิดฟิลด์จนเฉิดฉาย

ตลอดปีที่ผ่านมา กรีซมันน์ ประสบปัญหากับการค้าแข้งในถิ่น แอตเลติโก มาดริด จำนวนประตูที่เคยทำได้ลดลงอย่างน่าใจหาย จนเกิดเป็นคำถามว่าอนาคตการค้าแข้งต่อจากนี้ของกองหน้าวัย 31 ปีจะเป็นไปในทิศทางไหน

อย่างไรก็ตาม กรีซมันน์ ค้นพบบทบาทใหม่บนไลน์อัปของ "ตราไก่" โดยเป็นสิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงกับเมื่อ 4 ปีก่อนที่ประเทศรัสเซีย

ครั้งนี้ กรีซมันน์ ผันตัวจากกองหน้ามารับบทกองกลาง ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งคือการขาดหายไปของคู่กลางอย่าง ปอล ป็อกบา และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่บาดเจ็บจนไม่ติดทัพน้ำหอมในศึกครั้งนี้

ถึงแม้ กรีซมันน์ จะยังไม่มีชื่อเป็นผู้ทำสกอร์ที่แผ่นตะวันกลาง แต่เขาขับเคลื่อนสร้างผลงานด้วยพละกำลังมหาศาล และมีชื่อทำแอสซิสต์ได้ 3 หนจนพา ฝรั่งเศส ล่าแชมป์โลกสมัยที่ 3 

จากการเปลี่ยนโฉมตำแหน่งใหม่ของ กรีซมันน์ นี้ เราไปย้อนดูกันว่าในอดีตมีกองหน้าคนใดบ้างที่ผันตัวมาเล่นเป็นกองกลาง และทำผลงานได้ดี 

- เวย์น รูนี่ย์

เวย์น รูนี่ย์ เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดของเกาะอังกฤษ เป็นที่จดจำมากมายในเรื่องของการทำประตูทั้งในนามทีมชาติ และกับสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ซึ่ง รูนี่ย์ จารึกชื่อเป็นผู้ที่ทำประตูได้มากที่สุดกับ "ปีศาจแดง" และถึงตอนนี้เจ้าตัวยังถือครองเป็นผู้เล่นทัพสิงโตคำรามมากที่สุดเท่ากับ แฮร์รี่ เคน ที่ 53 ประตู

อย่างไรก็ตาม ช่วงท้ายของ รูนี่ย์ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เขาถอยมาเล่นในบทบาทที่ต่างจากเดิม นั่นคือการยืนเป็นกองกลาง นั่นคือเหตุผลว่าทำไม 3 ปีสุดท้ายในสีเสื้อ "เร้ด เดวิลส์" ยอดจำนวนประตูของเขาถึงน้อยลงไป

ถึงกระนั้น พอ รูนี่ย์ ย้ายข้ามฟากไปเล่นให้ เอฟเวอร์ตัน กับ ดีซี ยูไนเต็ด ก็ได้กลับไปเล่นกองหน้าอีกครั้ง ก่อนที่จะจบอาชีพที่ ดาร์บี้ ด้วยตำแหน่งมิดฟิลด์

- อลัน สมิธ

อลัน สมิธ ไม่ใช่กองหน้าที่สอยตาข่ายทะลุเพดาน ดังนั้นจึงไม่แปลกใจกับการที่เขาลงเอยมาเล่นเป็นมิดฟิลด์

กว่า 600 เกมในอาชีพการเล่น สมิธ ทำประตูได้น้อยกว่า 75 ประตู และเชื่อหรือไม่ว่าเขาไม่เคยยิงถึงหลักเลขสองหลักต่อหนึ่งฤดูกาลได้เลยสักครั้ง 

เกียรติประวัติของ สมิธ เขาได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ก็ไม่ได้เป็นตัวหลักตรงแผงแนวรุกเท่าไหร่นัก

และเมื่อถึงวันที่เขาออกจากถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด สมิธ ก็กลายเป็นมิดฟิลด์เต็มตัว และลงเอยอาชีพการเล่นในบทบาทนี้ในวัย 38 ปี

- โชลินตอน

ฟอร์มของ โชลินตอน เฉิดฉายสุด ๆ ในฤดูกาลนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าบทบาทที่เขาเล่นอยู่นั้นมันไม่ใช่ตำแหน่งดั้งเดิมที่เติบโตขึ้นมา

ดาวเตะแซมบ้า ถูกซื้อเข้ามาอยู่ถิ่นไทน์ไซด์ ด้วยสถิติสโมสรเป็นเม็ดเงิน 40 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2019 แต่แฟน ๆ ที่นั่นกลับหมดสิ้นศรัทธาเมื่อได้เห็นยอดจำนวนประตูในฤดูกาลแรกของเขา

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ 61 เกมแรกในสีเสื้อ "เดอะ แม็กพายส์" ตัวเลขสกอร์มีแค่ 3 ลูกเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ภายหลังจากที่ เอ็ดดี้ ฮาว เข้ามาแทน สตีฟ บรูซ กุนซือหนุ่มก็ถอย โชลินตอน ยืนต่ำกับบทบาทมิดฟิลด์บ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ 

ผลที่ได้คือ โชลินตอน ได้ออกสตาร์ทเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ทุกนัด และสร้างผลงานตรงพื้นที่นี้ร่วมกับเพื่อนร่วมชาติอย่าง บรูโน่ กีมาเรส ได้อย่างยอดเยี่ยมจนพา นิวคาสเซิล ติดลมบนในลีก

- มูซ่า เดมเบเล่

ด้วยผลงาน 10 ประตูจาก 250 นัดกับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ มันยากที่จะเชื่อว่า มูซ่า เดมเบเล่ จบผลงานกับ "ไก่เดือยทอง" ด้วยตำแหน่งกองหน้า

ตำแหน่งที่แน่นอนของ เดมเบเล่ ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก เขามักถูกสับเปลี่ยนกันระหว่างผู้เล่นหมายเลข 10 กับการถูกถ่างไปยืนริมเส้น

แต่ก่อนที่ดาวเตะเบลเจี้ยน จะย้ายมาค้าแข้งที่ อังกฤษ นั้น เขามีสถิติการทำประตูที่ดีเอามาก ๆ เมื่อสามารถทำได้แตะเลข 2 หลักมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ อาแซด อัลค์มาร์ ที่เขามีส่วนร่วมพาทีมคว้าแชมป์ลีกดัตช์ได้ในซีซั่น 2008/09 ด้วยการทำได้ 12 ประตูจากทุกรายการ

ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนับเป็นหนที่ 3 ในรอบ 4 ปีที่ เดมเบเล่ ทำประตูได้ถึงหลักสิบประตูขึ้นไป

แต่ภายในเวลาไม่นาน ตัวเลขเหล่านั้นกลับจางหายไป และในที่สุดเขาก็ค้นพบศักยภาพทั้งหมดของตัวเองด้วยฝีมือของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่

กุนซือาร์เจนติน่า โมดิฟาย เดมเบล่ ให้เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดของ พรีเมียร์ลีก ซึ่งไม่มีใครแทบพูดถึงตัวเลขสกอร์ของเขาเลยด้วยซ้ำ

- ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น

การได้เล่นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ในวัย 37 ปีก็บ่งบอกทุกสิ่งทุกอย่างของดาวเตะไอซ์แลนด์ ผู้นี้ไม่มากก็น้อย

กุ๊ดยอห์นเซ่น ลงเล่นตำแหน่งหลายหลากตลอดอาชีพการเล่น โดยส่วนใหญ่ที่ค้าแข้งกับ เชลซี นั้น เขาเล่นทั้งกองกลางตัวรุก, กองหน้าตัวต่ำ และกองหน้าตัวเป้า

แต่เมื่อเขาย้ายออกจากถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ แล้วไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า นั่นคือช่วงเวลาที่เขาใช้เวลาส่วนใหญ่กับการยืนเป็นมิดฟิลด์ และได้เล่นร่วมกับ ชาบี เอร์นานเดซ กับ อันเดรส อิเนียสต้า เสียด้วย