คาแรกเตอร์ของแชมเปี้ยน

ไม่ต้องถึงขนาดเล่นดีเลิศเลอแต่ก็ได้เข้าไปชิงเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน

และไม่ต้องมีทีมที่สมบูรณ์ก็ยังมีขุมกำลังสำรองที่ก้าวขึ้นมาทดแทนโดยที่ทุกๆคนก็แสดงออกมาในการช่วยกันเพื่อทำให้ทีมไปถึงเป้าหมาย

ผมไม่คิดว่าโมร็อกโกเล่นแย่เหมือนสกอร์ที่ออกมาห่างสองลูก ตรงกันข้ามนับแต่ที่เสียประตูเร็วก็พยายามทุกทางแล้วที่จะทวงคืน ไม่มีย่อท้อ ไม่มีสิ้นหวัง ไม่มีการบ่งบอกถึงอาการสั่นเกร็งด้วยแม้นี่จะเป็นเกมที่ใหญ่สุดในชีวิตของนักเตะทุกคน

หากนั่นเอง อีกด้านก็สะท้อนถึงคุณภาพของฝรั่งเศสว่าทำไมถึงมีดีกรีเป็นแชมป์เก่าและกำลังได้เข้าไปลุ้นป้องกันเข็มขัดซึ่งถ้าทำได้ก็จะเป็นเพียงชาติที่สามเท่านั้นต่อจากอิตาลี1934กับ1938และบราซิล1958กับ1962

ดิดิเยร์ เดสช็องส์ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านไมโครโฟนหลังเกมด้วยการยอมรับตรงๆว่า"พวกเราไม่ใช่ว่าเพอร์เฟกต์เลย"โดยโค้ชตราไก่หมายถึงสองเกมที่ผ่านมาทั้งรอบแปดทีมกับอังกฤษรวมถึงคืนล่าสุดรอบตัดเชือกกับโมร็อกโก

แต่ไหนแต่ไร...ฟุตบอลไม่ได้ต้องการคำว่าเพอร์เฟกต์

สิ่งที่เจ้าลูกกลมๆต้องการและทุกคนก็ลึกซึ้งกันเต็มอกอยู่ที่ผลการแข่งขัน ยิ่งบอลทัวร์นาเมนต์ด้วยก็จำเป็นเหลือเกินว่าใครที่ฝันอยากครองแชมป์ก็จจะต้องทำยังไงก็ได้เพื่อบังคับให้ตัวเองยังอยู่ในเส้นทาง

ไม่ใช่แค่ฝรั่งเศสชุดนี้หรอก ย้ายสายตาไปดูคู่แข่งนัดชิงอย่างอาร์เจนติน่าด้วยก็ได้ว่านับจากเกมแรกเป็นต้นมาทีมฟ้าขาวก็ไม่ได้เพอร์เฟกต์เช่นเดียวกัน

การได้ประตูนำ1-0ตั้งแต่นาที5จากเธโอ เฮอร์นานเดซย่อมทำให้โมเมนตัมเหวี่ยงมาหาทางทัพตราไก่ ก่อนลงสนามก็เป็นต่ออยู่แล้ว ในเกมประเภทนี้จะให้สนุกก็ต้องให้ทีมรองทะลวงตาข่ายได้ก่อนโดยเฉพาะยิ่งโมร็อกโกด้วยแล้วซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยตามหลังใครก่อนเลย

ตอนให้สัมภาษณ์ในเพรส คอนเฟอเรนซ์จึงพบรอยยิ้มออกมาจากเดสช็องส์ เขาเองก็ย่อมร้องขออะไรกว่านี้จากทีมไม่ได้อีกแล้ว ทีมที่เต็มไปด้วยปัญหาบาดเจ็บก่อนเวิล์ด คัพฉบับทะเลทรายเปิดฉากไม่ว่าจะเพรสแนล คิมเปมเบ้, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, พอล ป็อกบา, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคูจนถึงที่สำคัญสุด-คาริม เบนเซม่า

จากนั้นก็ต้องเสียลูกัส เฮอร์นานเดซที่ต้องพักยาวไปอีก นั่นทำให้ทีมต้องมีการปรับกระบวนแนวรับกันใหม่ ขณะที่ในเกมกับโมร็อกโกนั้นก็ยังไม่สามารถใช้งานดาโยต์ อูปาเมกาโน่กับอาเดรียง ราบิโอต์ได้ ยังไม่ใช่เท่านั้นระหว่างเกมก็เป็นโอลิวิเยร์ ชิรูด์ที่เดินเขยกแต่ต้องฝืนเล่นจนถึงนาที65ของเกม

อีกนั่นแหละวิกฤตเท่านั้นที่จะสร้างโอกาส

การที่ทีมใดก็ตามมีปัญหาเยอะแค่ไหนก็พิสูจน์ฝีมือของโค้ชเท่านั้นโดยสองตัวสำรองที่ลงมาไม่ว่าจะมาร์คัส ตูรามหรือโคโล่ มูอานี่ต่างก็มีส่วนกับประตูที่สองอันเป็นลูกดับฝันชาวอาหรับกว่า430ล้านคนทั่วโลก    

จากชุดแชมป์สี่ก่อนที่รัสเซียมาถึงค่ำคืนล่าสุดวันพุธก็มีผู้เล่นแค่ 5 เท่านั้นที่หลงเหลือมาประกอบด้วยฮูโก้ ยอริส, ราฟาเอล วาราน, อองตวน กรีซมันน์, คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้และชิรูด์

เดสช็องส์จึงไม่ใช่แค่ทำทีมแต่เขายังได้สร้างทีมขึ้นมาด้วย มีกลุ่มนักเตะอายุน้อยๆที่ยังมีเวลาให้รับใช้ประเทศชาติอีกหลายปี

กรีซมันน์ที่มารับบทมิดฟิลด์ตัวรุกอยู่หลังชิรูด์ก็กลายเป็นฟันเฟืองตัวที่ทีมขาดไม่ได้ คือโดดเด่นมากแม้ว่าบางทีอาจเด่นแบบปิดทองหลังพระก็ตามในการทำหน้าที่เชื่อมเกมจากหลังไปสู่หน้า ขณะที่ออเรเลียง ชูอาเมนี่บนวัยเพียง22เท่านั้นแต่ฉายแสงเจิดจรัสเหลือเกินราวกับกรำศึกมาแล้วโชกโชนจนทำให้ลืมก็องเต้ไปเลย

อีกข้อสไตล์ของเดสช็องส์ก็ดูจะเข้ากับบอลทัวร์นาเมนต์ด้วย บอลไม่ต้องสวยงาม ไม่ต้องเอ็นเตอร์เทนทว่าเป็นบอลที่เน้นไปที่ผลการแข่งขันไว้ก่อน หลักฐานมีการันตีอยู่แล้วแชมป์โลก2018, แชมป์เนชั่นส์ คัพ2021และเข้าชิงบอลโลก2022

ต่อให้ทุกทีมอ่านออกว่าต้องประกบเอ็มบั๊ปเป้ให้อยู่ซึ่งก็ดูอังกฤษได้เลยว่าเกมคืนนั้นก็ทำได้ไร้ที่ติดจุดนี้แต่พวกเขาก็ยังมีอาวุธอื่นอีกที่ใช้จู่โจม

จุดนี้เองก็น่าสนใจว่านัดชิงวันอาทิตย์นี้จะเป็นอย่างไร? 

แน่นอนมันเป็นเกมที่พาดหัวตัวโตต้องใช้ว่า"เมสซี่ v เอ็มบั๊ปเป้"โดยบังเอิญยิ่งว่าทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมทีมกันในเปแอสเช สโมสรที่ก็มีเจ้าของเป็นกาตาร์ซะด้วย

หากตัวแปรอื่นๆย่อมมีเอฟเฟกต์ต่อเกมได้เสมอโดยเดสช็องส์เองก็ได้พูดถึงเรื่องนี้ไว้เรียบร้อย"คู่ชิงปีนี้อาจตัดสินกันที่ว่าใครผิดพลาดน้อยที่สุด"    

เพราะบางคาแรกเตอร์ของแชมเปี้ยนมักเขียนไว้ว่า...

"ทำยังไงก็ได้ให้คู่ต่อสู้ท้อไปเอง"

"ไก่ป่า"