"อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!.. อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!.. อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!.. อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!"
ผมได้ยินเสียงเชียร์อันเป็นเอกลักษณ์นี้ครั้งแรกจากวีดีโอสารคดีฟุตบอลโลก 1986 ที่ชื่อว่า "Hero"
นานมาแล้วนะครับ ถ้าจำไม่ผิดเสียงเชียร์นี้คือการเปิดตัวตอนที่รายการเริ่มพูดถึงทีมชาติอาร์เจนติน่า
สารคดีเรื่องนี้คือที่สุดสำหรับผม มันอาจเป็นครั้งแรกที่ได้ดูเรื่องเล่าลักษณะนี้ก็ได้ถึงได้จดจำมันฝังใจมาจนทุกวันนี้
มันคือ "The official film of the 1986 fifa world cup - บันทึกอย่างเป็นทางการประจำฟุตบอลโลกครั้งนั้น" ครับ ทั้งเรื่องเล่า เสียงบรรยาย ดนตรีประกอบ และอารมณ์ของมันสมบูรณ์แบบจริงๆ
มานึกๆ ดูอีกที มันก็นานเหลือเกินแล้วที่ผมไม่ได้เห็นอาร์เจนติน่าเป็นแชมป์โลกกับตาตัวเองอีกเลยนับตั้งแต่ ดีเอโก้ มาราโดน่า พาลูกทีมขึ้นไปรับถ้วยแชมป์โลกที่อัซเตก้า สเตเดี้ยม
ครั้งใดก็ครั้งนั้น ถ้าใครถามว่าประทับใจการมอบถ้วยแชมป์โลกครั้งไหนที่สุด ปี 1986 ยังคงเป็นที่หนึ่งในดวงใจ.. ไม่ใช่ด้วยพิธีการยิ่งใหญ่อะไรเลย แต่ด้วยปฏิกิริยาของมาราโดน่าล้วนๆ
นักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ทรนงองอาจหยิ่งผยองในตัวเองขนาดนั้น กลับทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าเขากลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่ได้ของเล่นที่ถูกใจ
ความดื่มด่ำชื่นชมที่มาราโดน่ามีต่อถ้วยแชมป์โลกนั้น เราสัมผัสได้จริงๆ ว่ามันมีค่าสำหรับเขามากขนาดไหน
เวลาเดินเร็วนะครับ.. จากวันนั้นถึงวันนี้มันก็ผ่านมา 36 ปีแล้ว
เร็วอย่างเหลือเชื่อ เร็วอย่างน่ากลัว เร็วขนาดที่ว่าเด็กชายคนหนึ่งซึ่งลืมตาดูโลกที่เมืองโรซาริโอหนึ่งปีหลังจากวันอันยิ่งใหญ่นั้นเติบโตขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์ของวงการฟุตบอลอาร์เจนติน่าและว่าที่ตำนานลูกหนังอีกคน ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมากมายจนกลายเป็นพี่ใหญ่ในทีมชาติด้วยวัย 35 ปีแล้ว
เวลานี้เด็กคนนั้นกำลังโลดแล่นในฟุตบอลโลกที่มีทีท่าว่าจะเป็นของเขา เหมือนที่มาราโดน่าเคยทำเอาไว้เมื่อปี 1986
"อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!.. อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!.. อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!.. อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!"
สำเนียงเสียงร้องที่คุ้นหูแว่วเข้าโสตประสาทไม่หยุดตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ภาพข่าวต่างๆ หลั่งไหลในโลกโซเชียล สีสันการเชียร์ของกองเชียร์อาร์เจนติน่านั้นเป็นเอกลักษณ์ ฟ้าขาวพราวพร่างพร้อมธงและข้อความสดุดีหมายเลข 10 ผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งในวันนี้มีสองคน
คนแรกคือตลอดกาล.. คนที่สองคือตลอดกาลคนต่อไป ยิ่งถ้าเขาทำได้จริงๆ ในนัดชิงวันอาทิตย์ที่จะถึง มันคงยิ่งไม่ผิดไปจากนี้
ทวิตเตอร์ของสมาคมฟุตบอลอาร์เจนติน่าเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นรูป มาราโดน่ากำลังจุมพิตถ้วยแชมป์โลก พร้อมตัวหนังสือ ETERNO - นิรันดร์
ไม่ว่าอย่างไร ดีเอโก้ มาราโดน่า ก็ขึ้นหิ้งอยู่ตรงนั้น เป็นนิรันดร์ แตะต้องไม่ได้ พวกเขาล้วนรู้ดี
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความฝันที่จะเป็นแชมป์โลกสานต่อแรงจูงใจอันเป็นนิรันดร์นั้นสูญสลายหายไปได้ ตรงกันข้ามชาวอาร์เจนไตน์เฝ้ารอมาตลอดที่จะได้เห็นใครสักคนหรือทีมสักชุดมารับช่วงต่อความยิ่งใหญ่นั้นต่อไป
พวกเขารอ และรอ และรอ เผลอแค่พริบตามันก็ผ่านไป 36 ปีแล้ว..
"อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!.. อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!.. อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!.. อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!"
เสียงเพลงก้องอยู่กับเรามาตลอดในทุกครั้งที่มีฟุตบอลโลก อาร์เจนติน่าลงสนามคราใดเราจะได้ยินเสียงตะโกนง่ายๆ นี้เข้าหูอยู่เสมอ
อาร์เจนติน่าในความทรงจำของผมและเรามีมากมายเหลือเกิน.. หลายคนเกิดไม่ทันวันที่พวกเขาเป็นแชมป์โลกสมัยที่สอง นั่นหมายความว่าพวกเขายังไม่เคยเห็นทีมฟ้าขาวคว้าแชมป์โลก ไม่เคยสัมผัสกับมันว่าเป็นอย่างไร
36 ปีแห่งความล้มเหลวและเจ็บช้ำ เราได้เห็น เยอรมัน บราซิล ฝรั่งเศส อิตาลี และ สเปน ผลัดกันคว้าแชมป์อย่างเอิกเกริก บางทีมได้เพิ่มหนึ่งสมัย บางทีมได้เพิ่มไปอีก 2 สมัย
อาร์เจนติน่ายังคงแช่นิ่งอยู่ที่ 2 ครั้ง เหมือนเวลาของพวกเขาหยุดลงตั้งแต่ปี 1986
เข็มนาฬิกาของพวกเขาฟ้าขาวจะเริ่มเดินต่อด้วยแชมป์โลกสมัยที่สามไหม.. เพียงเวลาเท่านั้นครับ เพียงเวลาที่จะให้คำตอบกับเรา
อีกเพียงห้าวัน
ลิโอเนล เมสซี่ กับฟุตบอลโลกของเขา.. มันคือโทรฟี่สุดท้ายที่จะมาเติมเต็มชีวิตเขาให้สมบูรณ์แบบ
แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 4 สมัย แชมป์ลา ลีกา 10 สมัย แชมป์โกปา เดล เรย์ 7 สมัย แชมป์สโมสรโลก 3 สมัย แชมป์ลีกเอิง เกียรติประวัติมากมายในระดับสโมสร
แชมป์เยาวชนโลก เหรียญทองโอลิมปิก แชมป์โกปา อเมริกา เกียรติยศยิ่งใหญ่กับทีมชาติ
นักเตะยอดเยี่ยมฟุตบอลโลก บัลลงดอร์ นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของโลก ดาวซัลโวยุโรป นักเตะยอดเยี่ยมลา ลีกา ดาวซัลโวลา ลีกา นักเตะยอดเยี่ยมของอาร์เจนติน่า รางวัลส่วนตัวที่นับรวมกันไม่หวาดไม่ไหว..
สถิติต่างๆ อีกมากมาย.. เกมกับโครเอเชียที่เพิ่งจบลงไปเขาก็ยังสร้างสถิติใหม่ขึ้นอีก
-ทำลายสถิติดาวซัลโวสูงสุดของทีมชาติอาร์เจนติน่าในฟุตบอลโลกที่เคยเป็นของ กาเบรียล บาติสตูต้า ด้วยประตูที่ 11
-ทำสถิติผ่านให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูให้ทีมชาติอาร์เจนติน่าในฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 8 เทียบเท่าสถิติของ ดีเอโก้ มาราโดน่า
-ทาบสถิติลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมากที่สุด 25 เกมเท่ากับ โลธ่าร์ มัทเธอุส
-ยิงและจ่ายในเกมเดียวกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก 4 เกม และสามจากสี่เกมนั้นเกิดขึ้นในฟุตบอลโลกครั้งนี้ (นับตั้งแต่ปี 1966 ที่เริ่มมีการเก็บสถิติ)
-ไม่ยิงก็จ่ายให้เพื่อนทำประตูในฟุตบอลโลกมากที่สุดจำนวน 13 เกมเท่ากับ โรนัลโด้ (บราซิล)
-ยิงและจ่ายให้เพื่อนทำประตู 19 ลูก (11 ประตู 8 แอสซิสต์) มากที่สุดตลอดกาลเทียบเท่า แกร์ด มุลเลอร์ โรนัลโด้ (บราซิล) และ มิโรสลาฟ โคลเซ่ (นับตั้งแต่ปี 1966 ที่เริ่มมีการเก็บสถิติ)
-ทำประตูได้ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย รอบ 8 ทีมสุดท้าย และรอบรองชนะเลิศ ในฟุตบอลโลกสมัยเดียวเป็นคนที่ 6 ต่อจาก ซัลวาตอเร่ สกิลลาชี่, โรแบร์โต้ บาจโจ, ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ, ดาวอร์ ซูเคอร์ และ เวสลี่ย์ สไนเดอร์
-คว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์เป็นครั้งที่ 4 ในทัวร์นาเม้นต์ มากที่สุดในฟุตบอลโลกสมัยเดียวเท่ากับ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ และยังทำให้จำนวนรวมที่คว้าแมนออฟเดอะแมตช์ในฟุตบอลโลกเพิ่มเป็น 10 ครั้ง แซงหน้า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (7 ครั้ง) ขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่ง
บางสถิติทำลายไปแล้ว บางสถิติเขาอาจทำลายมันลงในวันอาทิตย์นี้เลย
ผลงานของเมสซี่ในฟุตบอลโลกครั้งนี้เปล่งประกายอย่างยิ่งนะครับ ยิ่งผ่านไปแต่ละเกมเขาก็ยิ่งโดดเด่น ก่อนลงสนามกับโครเอเชีย เขายังทำสถิติผ่านบอลตัดแนวรับเข้าเขตโทษคู่ต่อสู้มากที่สุดในฟุตบอลโลก 2022 ทิ้งอันดับสองเกือบเท่าตัว
และเพื่อให้ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก ปี 2022 นี้ เมสซี่ในวัย 35 ปี ยิงประตูให้ทีมชาติอาร์เจนติน่าไปแล้ว 16 ลูก มากยิ่งกว่าปีไหนๆ ที่เคยรับใช้ชาติมา
"อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!.. อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!.. อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!.. อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!"
ผมเข้าใจดีว่าเพราะอะไร เมสซี่ ถึงได้พูดแบบนั้นใส่ หลุยส์ ฟาน กัล ที่วิเคราะห์การเล่นของอาร์เจนติน่าว่า เมสซี่ไม่ช่วยเกมรับและนั่นคือจุดอ่อน
เพราะแต่ละทีมก็ย่อมมีวิธีการของตัวเอง จุดอ่อนนี้คุณจะไปพูดกับลูกทีมในห้องแต่งตัวตอนวางแผนหรืออะไรก็ทำไป แต่ไม่ใช่มาพูดต่อหน้าสาธารณชนอย่างนี้ มันเหมือนดูถูกฟุตบอลของอาร์เจนติน่า
เพราะทุกคนในทีมชาติอาร์เจนติน่ายินดีที่จะเล่นอย่างนี้ ยินดีที่จะวิ่งเพื่อเขา สู้เพื่อเขา ไล่กวดหัวทิ่มหัวตำเพื่อแย่งบอลเอามาให้เขา
เพราะทุกคนศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวเขา ว่าถ้าเขามีบอลอยู่ที่เท้า ความมหัศจรรย์เกิดขึ้นได้เสมอ
ลิโอเนล สคาโลนี่ และลูกทีมอาร์เจนติน่ารู้ดีว่าในวัย 35 ปี ทีมควรจะใช้ประโยชน์จากเขาอย่างไรให้สูงที่สุด คำตอบที่พวกเขาเห็นตรงกันก็คือวิธีนี้
เพื่อนสิบคนช่วยกันเล่นเกมรับแทนเขา สงวนพลังงานให้เขา อย่างที่คนทั้งโลกได้เห็นเขาเล่นงาน ยอสโก กวาร์ดิโอล เข้าไปผ่านให้ ฮูเลียน อัลวาเรซ ยิงประตูที่สามเมื่อคืนวันอังคารนั่นแหละ
ทุกคนในทีมฟ้าขาวยินดีที่จะวิ่งเพื่อเมสซี่ ไม่มีใครในทีมไม่เต็มใจ แล้ว ฟาน กัล รู้ดีมาจากไหนถึงมาพูดถึงทีมของเขาอย่างนั้นต่อหน้านักข่าว ถ้าคิดว่าเป็นจิตวิทยาก็บอกเลยว่าไม่มีมารยาทและไร้สาระ ไม่สมกับที่เป็นโค้ชมากประสบการณ์
ท่าป้องหูกับท่าทำมือให้หุบปากของเขาคงตั้งใจจะสื่ออย่างนั้น ใครจะมองอย่างไรก็มองไป แต่เขาปกป้องทีมของเขาและลูกทีมของเขา คิดจะมาทำลายความสามัคคีของอาร์เจนติน่าด้วยวิธีนี้มันไม่ถูกต้อง
แน่นอนครับ ทุกคนมีด้านมืดของตัวเอง เมสซี่ก็ไม่ใช่คนที่เป็นผ้าขาวสะอาดไร้รอยเปื้อนเสียเมื่อไหร่
เราต่างก็มีด้านสีเทาด้วยกันทั้งนั้น
"อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!.. อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!.. อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!.. อ้า! เจ้น! ติ๊น่า!"
จาก 1986 ถึง 2022..
จากเบอร์ 10 ถึงเบอร์ 10..
จาก ดีเอโก้ มาราโดน่า ถึง ลิโอเนล เมสซี่..
ความฝันของชาวอาร์เจนไตน์เข้าใกล้ความจริงที่สุดอีกครั้ง
ไม่มีใครรู้หรอกว่าผลลัพธ์ในวันสุดท้ายจะออกมาอย่างไร แต่ ณ นาทีนี้ ความรู้สึกนั้นรุนแรงมากครับ ฟุตบอลโลกครั้งนี้แทบจะเป็นของ ลิโอเนล เมสซี่ ไปแล้วจริงๆ
ตังกุย