ฮาคิม ซิเย็ค จากคนเกือบหมดอนาคตสู่ฮีโร่ทั้งในและนอกสนามของ โมร็อกโก

ฮาคิม ซิเย็ค จากคนเกือบหมดอนาคตสู่ฮีโร่ทั้งในและนอกสนามของ โมร็อกโก
มันคงไม่สามารถพูดได้ว่าจนถึงตอนนี้ ฮาคิม ซิเย็ค ทำผลงานในศึก ฟุตบอลโลก 2022 ได้ในระดับเดียวกับนักเตะอย่าง คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส หรือ ลิโอเนล เมสซี่ ดาวยิงทีมชาติอาร์เจนตินา แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือเขาโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจ และเป็นหนึ่งในแกนหลักที่ทำให้ โมร็อกโก มาได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศของศึก ฟุตบอลโลก 2022

หากย้อนกลับไปก่อนที่ศึก ฟุตบอลโลก 2022 จะเริ่มขึ้นแล้วล่ะก็ มันก็คงมีไม่กี่คนที่จะกล้าฟันธงว่า ซิเย็ค จะมาถึงจุดนี้ได้ เมื่อพิจารณาถึงการที่เขาไม่ได้เป็นตัวหลักกับ เชลซี จนถึงขั้นมีข่าวย้ายออกจากทีม และจากการที่เขาเคยประกาศไม่ขอรับใช้ทีมชาติอีกหลังเคยผิดใจกับ วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช อดีตกุนซือทีมชาติโมร็อกโก ก่อนที่เจ้าตัวจะเปลี่ยนใจกลับมาช่วยทีมในยุคของ วาลิด เรกรากุย

อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปไกลกว่านั้นแล้วล่ะก็ มันก็ต้องบอกว่า ซิเย็ค เกือบจะไม่ได้เป็นนักเตะอาชีพด้วยซ้ำไป

ย้อนกลับไปในสมัยที่ยังเป็นเด็กนั้น ซิเย็ค ก็เหมือนกับหนูน้อยหลายคนที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลและใฝ่ฝันที่จะเป็นนักเตะอาชีพให้ได้ โดยที่คุณพ่อกับคุณแม่ของเขาก็สนับสนุนเขาเป็นอย่างดีด้วย

ถึงกระนั้น ซิเย็ค ก็เจออุปสรรคเร็วกว่าที่คิด เพราะในวัย 10 ขวบ เขาต้องเสียคุณพ่อไปจากการที่บิดาของเขามีอาการป่วยหลายอย่าง แน่นอนว่าพอขาดหนึ่งในเสาหลักของครอบครัวไปแล้วนั้นครอบครัวของเขาก็ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แถมเขายังเคยคิดที่จะล้มเลิกความฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพด้วย

ท้ายที่สุดแล้ว ซิเย็ค ตัดสินใจที่จะลุกขึ้นสู้และฝึกฝนฝีเท้าอย่างหนักจนในวัย 14 ปีก็ได้เข้าอะคาเดมี่ของ ฮีเรนวีน ซึ่งนั่นก็ช่วยหาเงินให้กับครอบครัวได้นิดหน่อย

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างไม่ได้สวยงามตามที่เขาเคยคิดเอาไว้จนช่วงหนึ่งเขาไม่ได้เป็นตัวเลือกขาประจำของทีม และอาจจะด้วยความที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ ซิเย็ค เลยเคยแสดงท่าทีไม่เหมาะสมใส่เพื่อนร่วมทีมของเขากับโค้ชของทีม

มาถึงจุดนี้นั้นนี่อาจจะเป็นตอนจบของวัยรุ่นหลายคนไปแล้ว เพราะสโมสรฟุตบอลก็คงไม่อยากเก็บวัยรุ่นที่มีทัศนคติแย่ๆ เอาไว้อยู่กับทีมต่อ เดชะบุญสำหรับ ซิเย็ค ที่เขามีฮีโร่มาช่วย นั่นคือ อาซิซ ดูฟิคาร์

เกริ่นก่อนว่า ดูฟิคาร์ ไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นอดีตกองกลางทีมชาติโมร็อกโก และถือเป็นนักฟุตบอลชาวโมร็อกกันคนแรกที่ได้เล่นในลีกของ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งนั่นก็ทำให้ ดูฟิคาร์ พอจะมีคอนเน็คชั่นกับคนในวงการฟุตบอลของ เนเธอร์แลนด์ อยู่บ้าง

นอกจากนี้ ดูฟิคาร์ ก็รู้จักกับ ซิเย็ค มานานตั้งแต่ก่อนหน้าที่รายหลังเริ่มซ้อมกับ ฮีเรนวีน แล้ว เพราะ ซิเย็ค ถือเป็นเพื่อนสนิทกับลูกชายของ ดูฟิคาร์ และเคยเล่นอยู่ในสโมสรเดียวกันตอนที่ยังเป็นเด็ก โดยสำหรับ ซิเย็ค แล้วนั้น ดูฟิคาร์ ก็เป็นเหมือนพ่อคนที่สองของเขาเลยทีเดียว

หลังจากการพยายามวิ่งเต้นของ ดูฟิคาร์ แล้วนั้น ซิเย็ค ก็ได้รับโอกาสแก้ตัวกับ ฮีเรนวีน อีกครั้ง และหนนี้เขาก็ไม่ทำพลาดเหมือนในอดีตจนทำให้เขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ในที่สุด

นอกจากจะก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ มาได้แล้วนั้น ซิเย็ค ยังพยายามช่วยเหลือผู้คนอย่างเต็มที่ด้วย โดย คาเล็ด เบย์ดูน นักข่าวชาวโมร็อกกันเปิดเผยว่าที่จริง ซิเย็ค ไม่เคยเอาเงินโบนัสกับการเล่นให้ทีมชาติโมร็อกโกมาใช้กับเรื่องของตัวเองแม้แต่ครั้งเดียว นับตั้งแต่ที่เขาติดทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2015 โดยเขาบริจาคมันให้กับสตาฟฟ์ของทีมรวมถึงครอบครัวที่ยากจนใน โมร็อกโก แทน

ทั้งนี้ ในศึก ฟุตบอลโลก 2022 ซิเย็ค ก็ยังคงยึดถือแนวทางดังกล่าว โดยถ้านับตั้งแต่ตอนเริ่มการแข่งขันจนถึงตอนนี้นั้น เขาก็ควรจะได้โบนัสเป็นเงินเกิน 280,000 ปอนด์ด้วยกัน แต่นั่นก็จะถูกนำไปบริจาคทั้งหมด

ที่จริงตลอดช่วงที่ผ่านมา ซิเย็ค ก็ทำการกุศลหลายครั้งเหมือนกัน อย่างเช่นการบริจาคเงิน 50,000 เหรียญสหรัฐฯให้กับ อัล-วาฟา สปอร์ตส์ คลับ อัล-ดาริอุช ทีมในลีกสมัครเล่นของ โมร็อกโก หลังจากแฟนบอลของทีมนั้นติดต่อมาขอความช่วยเหลือเนื่องจากทีมกำลังเจอกับปัญหาการเงินอย่างหนัก หรือการบริจาคเงินหลานล้านเหรียญสหรัฐฯให้กับคนที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งใน โมร็อกโก เมื่อปี 2018 เป็นต้น

ไม่ว่าบทสรุปที่สนาม อัล บายท์ ในวันพุธที่ 14 ธันวาคมนี้จะเป็นยังไง แต่มันก็ถือว่า ซิเย็ค มีชีวิตที่น่าประทับใจทั้งในสนามและนอกสนามจริงๆ


- เด็กเกร็ดบอล -


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : เด็กเกร็ดบอล
เด็กเกร็ดบอล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport