อังกฤษ vs ฝรั่งเศส ครั้งที่3 ในบอลโลก 2 ครั้งก่อนเจอ รอบแบ่งกลุ่ม อังกฤษ ชนะทั้งสองครั้ง
1966 อังกฤษ ชนะ 2-0
1982 อังกฤษ ชนะ 3-1
รอบสัน ยิง27 วินาที แรก
นี่คือครั้งแรกในรอบ KO
เกิดอะไรขึ้นในเกม
ครึ่งแรก…ครึ่งของฝรั่งเศส
1 กรีสมันน์โดดเด่น
มิดฟิลด์ ฝรั่งเศส 3 คน คุมจังหวะการเล่นได้ ทั้งตอนมีบอลและไม่มี กรีสมันน์ , ราบิโอต์ และ ชูเอาเมนี ปิดพื้นที่ได้ดี โดยเฉพาะ กรีสมันน์ ที่ลงมาเชื่อมเกม ด้านล่าง และข้างบน เล่นสบายๆ ไม่มีแดนกลางอังกฤษประกบ
2 ด้านข้างอังกฤษเล่นไม่ได้
เดสชองป์ ปิดการขึ้นบอลด้านข้างของอังกฤษ ทำให้ โฟเดน, ซาก้า เล่นด้านข้างไม่ได้ แบ๊กฝั่งชอว์ แทบไม่ได้ขึ้นมาครอส ส่วนวอล์คเก้อ นั้นไม่ขึ้นอยู่ละ ตามแทกติกเพราะฝั่งนั้นมีเอ็มบัปเป้
3 ฝรั่งเศสเล่นเกมรุก4 คน
เมื่อบุกใช้ความสามารถของ เดมเบเล ด้านข้าง ,กรีสมันน์ โดย ชิรูด์ ค้ำ มี เอ็มบัปเป้ คอยรอจังหวะเล่นงาน เมื่ออังกฤษเสียบอล
4 เสียบอลแดนบน เสียประตู
ซากา โดน กระแทกล้มเสียบอล จากจังหวะนั้น บอลทะลุมาถีงหน้าประตู อังกฤษ เลยโดนลงโทษ จากการยิงไกลของ ชูเอาเมนี น. 17 เสียบมุมประตู เบลลิงแฮมมาบลอคช้าไปหน่อย
ครึ่งหลังสนุก
โจมตีด้านข้างได้
แค่10 นาที ของครึ่งหลัง อังกฤษโจมตีด้านข้างได้ดี ฝั่งขวา ซาก้า ตัวป่วนจนทำให้ได้จุดโทษ เคน ยิงไม่พลาด ทำสถิติ53 ลูก เท่า เวย์น รูนีย์ ในทีมชาติ
ฝรั่งเศสรอจังหวะสวน
แม้อังกฤษคุมเกมได้ แต่ฝรั่งเศส รอจังหวะสวนกลับ ใช้ได้ทีเดียว แต่หาจังหวะจบไม่ได้
ชิรูด์ ทีเด็ด
จังหวะครอสของ ฝรั่งเศส เตือนหลายครั้งละ เพราะชิรูด์ ขึ้นได้ตลอด จนนาทีที่ 78 กรีสมันน์ ครอสเข้าหัว โขกเต็มๆ ขี้นนำ2-1
เคนพลาดโทษ
สำหรับนักเตะที่ชัวร์อย่าง เคน ยิงจุดโทษพลาด!!
ซัดข้ามคานไปไกล หลังจาก เม้านต์ โดน กระแทกโดย เตโอ แอรนองเดส แล้วผู้ตัดสินดู var ก่อนให้จุดโทษ
จะว่าไปคู่นี้ก็ไม่ต่างกันมาก จังหวะใครจังหวะมัน
เป็น แฮร์รี เคน ยิงจุดโทษพลาด ทำให้เกมจบใน90 นาที
อังกฤษตกรอบ8 ทีมสุดท้าย
เป็นครั้งที่7 ละ ตกรอบนี้ประจำ
ส่วนฝรั่งเศสเข้ารอบรองชนะเลิศ เจอโมรอกโก…
“แชมป์โลก” ยังอยู่ในเส้นทางป้องกันแชมป์