ระเบิดอารมณ์!รวมชอตเดือดเมสซี่เกมดวลฮอลแลนด์ (มีคลิป)

ลิโอเนล เมสซี่ กองหน้ากัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ตรงไปพูดเหน็บแนมใส่ หลุยส์ ฟาน กัล เทรนเนอร์ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ หลังจบเกม ฟุตบอลโลก 2022 รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่ "ฟ้า-ขาว" เอาชนะอีกฝ่ายในช่วงดวลจุดโทษ เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา

ก่อนลงเล่นเกมนี้ ฟาน กัล รวมถึงนักเตะบางคนของ เนเธอร์แลนด์ แสดงความมั่นใจว่าพวกเขาสามารถผ่าน อาร์เจนตินา ได้ รวมถึงบอกว่ามีวิธีที่จะรับมือกับ เมสซี่ แต่สุดท้ายเกมนี้ดาวเตะจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็ทำได้ 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ ก่อนที่เขาจะเป็นหนึ่งในคนที่ยิงลูกจุดโทษในช่วงดวลเป้าเข้าจนช่วยให้ อาร์เจนตินา เข้ารอบรองชนะเลิศได้

ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งของเกมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น เมสซี่ ฉลองประตูด้วยการกระโดดพร้อมกับกางมือมาอยู่บริเวณหูโดยที่หันหน้าไปยังซุ้มม้านั่งสำรองของ เนเธอร์แลนด์ ด้วย

ขณะที่หลังจบเกมไปแล้วนั้น เมสซี่ ก็ตรงไปยังซุ้มม้านั่งสำรองของ เนเธอร์แลนด์ พร้อมกับทำท่ามือที่สื่อถึงการพูดมาก แล้วจากนั้นก็พูดบางอย่างกับ ฟาน กัล โดยกุนซือชาวดัตช์ก็มีสีหน้าไม่พอใจกับท่าทีของ เมสซี่ เช่นกัน ร้อนจนทีมสตาฟฟ์ของ เนเธอร์แลนด์ อย่างเช่น เอ็ดการ์ ดาวิดส์ ต้องพยายามเข้ามายุติความวุ่นวาย

นอกจากนี้ ในช่วงก่อนที่จะให้สัมภาษณ์กับ ทีวายซี สปอร์ตส์ สื่อของอาร์เจนตินานั้น เมสซี่ ยังหันไปพูดใส่คนๆ หนึ่งด้วยสีหน้าที่เดือดดาลด้วยว่า "แกยืนดูอะไรวะ ? เดินไปเลย ไอ้โง่" จนนักข่าวต้องบอกเขาว่า "ใจเย็นๆ ครับ เลโอ" โดยสื่อหลายเจ้าบอกว่าคนที่เขาพูดใส่คือ วูท เวกฮอร์สต์ ดาวเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ที่ทำได้ 2 ลูกในเกมนี้

ในส่วนการให้สัมภาษณ์นั้น เมสซี่ กล่าวว่าตนรู้สึกว่า ฟาน กัล ไม่ให้เกียรติเขาเลยจากการพูดเรื่องต่างๆ ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา พร้อมบอกว่านักเตะ เนเธอร์แลนด์ บางคนพูดมากเกินไปด้วย "ผมรู้สึกว่า ฟาน กัล ดูหมิ่นผมผ่านทางการแสดงความเห็นในช่วงก่อนเกม ส่วนนักเตะชาวดัตช์บางคนก็พูดมากเกินไประหว่างการแข่งขัน"

"ผมไม่ชอนคบที่พูดมากในช่วงก่อนเกม นั่นไม่ใช่ส่วนหนึ่งของฟุตบอล ผมเคารพทุกคน แต่ผมอยากให้ทุกคนเคารพผมเช่นกัน ซึ่ง ฟาน กัลน่ะไม่ได้ให้ความเคารพเราเลย"

ขณะเดียวกัน เมสซี่ ก็ยังเหน็บแท็กติกของ ฟาน กัล ด้วย "ฟาน กัล พร่ำบอกว่าเขาทำให้ทีมเล่นด้วยสไตล์ที่ดี แต่เขายัดบรรดากองหน้าของตัวเองไปอยู่ในกรอบเขตโทษแล้วจากนั้นก็เริ่มโยนบอลยาวหลายครั้ง เราคู่ควรกับการได้เข้ารอบแล้ว และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น"