มันคือของขวัญสำหรับชาวโมร็อกกันทุกคน..

มันคือของขวัญสำหรับชาวโมร็อกกันทุกคน..
คำพูดของ ยาสซีน โบโน ที่ไม่เสียประตูให้สเปนเลยใน 3 ครั้งของการดวลจุดโทษเมื่อคืนที่ผ่านมานี้ช่างมีความหมาย

ใช่ครับ โมร็อกโกคือทีมล่าสุดที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับตัวเองและฟุตบอลโลก พวกเขาคือชาติแรกจากแอฟริกาเหนือที่ทะลุเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

ถ้าฟุตบอลโลกเป็นเรื่องราวระหว่างทวีปใหญ่สองทวีป แอฟริกาเองก็มีการแย่งชิงความเป็นหนึ่งระหว่างภูมิภาคเหมือนกัน เพราะดุลอำนาจฟุตบอลกาฬทวีปจะไปตกอยู่แค่แถบตะวันตกกับตอนเหนือของทวีปเท่านั้น

ตอนกลางไม่เกี่ยว ฝั่งตะวันออกอย่ายุ่ง ทางใต้ก็ไม่ได้หืออืออะไรแม้จะมีแอฟริกาใต้อยู่ตรงนั้น

ในทางเกมลูกหนังแล้ว แอฟริกาว่าด้วยฝั่งตะวันตกเลียบเลาะชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกกับตอนเหนือชายหาดทะเลเมดิเตอเรเนียนล้วนๆ

ตะวันตก - เซเนกัล ไอวอรี่โคสต์ ไนจีเรีย กานา แคเมอรูน และยังมี โตโก กินี รวมทั้ง ไลบีเรีย ที่เคยสร้างนักเตะบัลลงดอร์อย่าง จอร์จ เวอาห์

เหนือ - โมร็อกโก แอลจีเรีย ตูนิเซีย และ อียิปต์

ทั้งสองภูมิภาคทั้งแข่งกันและร่วมกันกว้านกวาดเกียรติยศมากมายของทวีปมาไว้กับตัว เช่นเดียวกับสิทธิ์เป็นตัวแทนของทวีปไปอวดโฉมในเวทีใหญ่อย่างฟุตบอลโลก

ส่วนใหญ่ก็มาจากสองภูมิภาคนี้ทั้งนั้น

ทีมจากแอฟริกาอาจจะยังไม่เคยทะลุเข้าไปถึงรอบที่ลึกกว่ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เลย แต่กับรอบ 8 ทีมสุดท้ายนั้นเคยมีชาติที่ทำได้อยู่สามชาติ

แคเมอรูน ปี 1990 เซเนกัล ปี 2002 และ กานา ปี 2010

แน่นอนครับ.. ทั้งสามครั้งย่อมเป็นความภูมิใจของชาวแอฟริกัน แต่หากลึกๆ ลงไปแล้วมันล้วนเป็นความภาคภูมิแห่งแอฟริกาตะวันตก

ไม่เคยมีชาติแอฟริกาตอนเหนือไปได้ไกลกว่ารอบ 16 ทีมสุดท้าย อย่าว่าแต่ลุ้นเข้ารอบควอเตอร์ไฟนั่ลเลย ที่ผ่านมาไปเตะทีไรก็มักจะไม่รอดสันดอนรอบแบ่งกลุ่มเป็นประจำ

ก็มีโมร็อกโกนี่แหละครับที่เคยทะลุเข้าไปเล่นในรอบสอง มันเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวเมื่อปี 1986 จากทั้งหมดห้าสมัยที่พวกเขาเข้าร่วมการแข่งขันไม่รวมครั้งนี้ โดยสี่ครั้งที่เหลือตกรอบแรกทั้งสิ้น

(อียิปต์ไปฟุตบอลโลก 3 สมัย ตกรอบแรกทุกครั้ง ตูนิเซียไปฟุตบอลโลก 6 สมัย ตกรอบแรกทั้งหมดเช่นกัน แอลจีเรียไปฟุตบอลโลก 4 สมัย ตกรอบแรก 3 ครั้ง เข้ารอบสองหนึ่งครั้งเมื่อปี 2014 แพ้เยอรมันช่วงต่อเวลาพิเศษ)

ในวีรกรรมเมื่อปี 1986 โมร็อกโกอยู่ในกลุ่มเดียวกับ อังกฤษ โปแลนด์ และ โปรตุเกส แต่กลับเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มด้วยผลเสมออังกฤษกับโปแลนด์ใน 2 เกมแรกก่อนทุบโปรตุเกส 3-1 ในนัดสุดท้าย

เข้ารอบสองไปพบกับเยอรมันตะวันตกหนึ่งในทีมเต็งแชมป์ สู้ได้อย่างสนุกก่อนจะแพ้เพียงประตูโทนของ โลธ่าร์ มัทเธอุส ก่อนหมดเวลาแค่สองนาที

เท่ากับว่าทีมจากแอฟริกาเหนือเคยผ่านรอบแรกเข้าสู่รอบสองได้แค่ 2 ครั้ง และทั้ง 2 ครั้งต่างก็ถูกหยุดเส้นทางไว้แค่ตรงนั้นโดยเยอรมันเหมือนกัน ทั้งโมร็อกโกและแอลจีเรีย

โมร็อกโกในความทรงจำของหลายๆ คนยังอาจจะเป็นเมื่อครั้งฟุตบอลโลกปี 1998 ด้วยที่ยกพลข้ามฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียนไปเตะที่ มงต์เปลลิเย่ร์ น็องต์ และ แซงต์-เอเตียนน์ แห่งฝรั่งเศส

ประตูสุดสวยของ มุสตาฟา ฮัดจิ ในเกมเสมอนอร์เวย์ยังตราตรึง หรือการดับความฝันเข้ารอบของสกอตแลนด์ด้วยการถล่ม 3-0 กอดคอตกรอบไปด้วยกันในนัดส่งท้ายก็เป็นการฝากผลงานให้เราได้จดจำทีมสิงโตแอตลาสก่อนที่พวกเขาจะเดินทางกลับบ้าน

โมร็อกโกมาเตะใน กาตาร์ 2022 โดยไม่ได้ถูกจับตามองมากนักแม้จะมีนักเตะดีๆ หลายคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาคุ้นหูในฟุตบอลลีกใหญ่ของยุโรป

อาคราฟ ฮาคิมี่, ฮาคีม ซิเย็ค, นูสแซร์ มาซราอุย, โซฟียาน อัมราบัต, โรแม็ง ซาอิสส์, โซฟียาน บูฟาล, ยูสเซฟ เอน-เนซีรี่

รวมไปถึง ยาสซีน โบโน แห่งเซบีย่า จอมหนึบที่ดังกระฉ่อนในตอนนี้

โบโนเกิดที่แคนาดานะครับ พ่อแม่ของเขาเป็นชาวโมร็อกกันที่เดินทางไปทำงานที่มอนทรีออล ก่อนจะย้ายกลับโมร็อกโกไปอยู่ที่เมืองคาซาบลังก้าตั้งแต่เด็กและได้เริ่มเล่นฟุตบอลที่นั่น

จุดเริ่มต้นของการไปผจญภัยในยุโรปของโบโนเกิดขึ้นเมื่อแมวมองของแอตเลติโก มาดริด ถูกใจในผลงาน แล้วจากนั้นเขาก็ไม่หันหลังกลับอีกเลย

จาก วีดัด คาซาบลังก้า โบโนเดินทางไปสู่ แอตเลติโก มาดริด ต่อด้วย เรอัล ซาราโกซ่า คิโรน่า และในที่สุดก็เป็น เซบีย่า

จุดเด่นของโมร็อกโกชุดนี้นอกจากทีมเวิร์ค ความเข้าขารู้ใจ และความสามารถเฉพาะตัวของนักฟุตบอลจะยอดเยี่ยมแล้วพวกเขาก็ยังมีเกมรับที่เหนียวแน่นเหลือเกิน ผ่านไปสี่เกมเพิ่งจะเสียไปเพียงประตูเดียวต่อแคนาดา

นั่นหมายความ 3 จาก 4 เกมที่ผ่านมา โมร็อกโกไม่เสียประตูให้คู่ต่อสู้เลย และคู่ต่อสู้ทั้งสามที่เจาะตาข่ายพวกเขาไม่ได้นั้นต่างก็เป็นทีมชั้นนำทั้งสิ้น

โครเอเชีย เบลเยียม สเปน (120 นาที)

ไม่มีทีมไหนส่งบอลผ่านมือโบโนเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้เลย แม้กระทั่งการดวลจุดโทษตัดสิน!

ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกเคยมีทีมจากคอนคาเคฟคือสหรัฐฯ และทีมจากเอเชียคือเกาหลีใต้ ที่ทะลุไปไกลกว่ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ในกลุ่มทีมที่ไม่ได้มาจากสองทวีปยักษ์ใหญ่ ยุโรป-อเมริกาใต้

ตัวแทนจากแอฟริกาทำได้เต็มที่ก็แค่เกือบ.. แคเมอรูนนำอังกฤษ 2-1 แพ้ 2-3 เซเนกัลแพ้โกลเด้นโกลตุรกี และกานาใกล้เคียงเหลือเกินที่จะผ่านอุรุกวัยแต่ก็ต้องใจสลาย

ครั้งนี้ ตัวแทนจากแอฟริกาเดินทางไกลอีกครั้ง ความพยายามข้ามกำแพงรอบ 8 ทีมสุดท้ายทั้งสามครั้งที่ผ่านมาล้วนมาจากฝั่งตะวันตก.. ไม่มีใครเคยทำสำเร็จ

โมร็อกโก ตัวแทนจากแอฟริกาเหนือขอโอกาสบ้าง และถ้าทำได้ พวกเขาจะเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ก้าวขึ้นเป็นทีมที่ไปได้ไกลที่สุดในฟุตบอลโลกตลอดประวัติศาสตร์ฟุตบอลกาฬทวีปทันที

ทำได้.. หรือไม่ได้ โปรตุเกสจะให้คำตอบในวันเสาร์นี้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ชาวโมร็อกกันทุกคนก็ได้รับของขวัญที่น่าภาคภูมิใจไปเรียบร้อยแล้ว

โมร็อกโกไม่เคยมาได้ไกลขนาดนี้ และเส้นทางของพวกเขายังไม่จบ..

ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ล้วนงดงามทั้งสิ้น ล้วนกำไรทั้งสิ้น มันคือของขวัญสำหรับชาวโมร็อกกันทุกคนอย่างที่โบโนบอกจริงๆ

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport