วาลิด เรกรากุย กุนซือทีมชาติโมร็อกโก ระบุ ลูกทีมที่เกิดในต่างแดนพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาพร้อมทุ่มเทเพื่อทีมอย่างเต็มเปี่ยม พร้อมบอกว่าตอนนี้ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรมากนักกับการเป็นกุนซือเชื้อสายแอฟริกันคนแรกที่มาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายของ ฟุตบอลโลก ได้
วาลิด เรกรากุย เทรนเนอร์ทีมชาติโมร็อกโก กล่าวว่าตอนนี้ลูกทีมบางคนของตนที่เกิดในต่างประเทศได้แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขายังมีความเป็นคนโมร็อกกันแบบเต็มเปี่ยม และพร้อมสู้เพื่อชาติอย่างเต็มที่ หลังล่าสุดพวกเขาชนะ สเปน ในช่วงดวลจุดโทษของศึก ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
ในตอนแรกมีเพียงไม่กี่คนที่คิดว่า โมร็อกโก จะสามารถผ่านรอบแบ่งกลุ่มของศึก ฟุตบอลโลก 2022 ได้ หลังจากพวกเขาอยู่ในกลุ่มเดียวกับ โครเอเชีย, เบลเยียม และ แคนาดา แต่ล่าสุดชาติจากทวีปแอฟริกาไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้แล้ว ซึ่งนี่นับเป็นผลงานที่ดีที่สุดของ โมร็อกโก กับการเล่น ฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายด้วย
ทั้งนี้ โมร็อกโก ชุดนี้มีนักเตะหลายคนที่เกิดในต่างแดน อย่างเช่น อาชราฟ ฮาคิมี่ แบ็กขวาตัวเก่งที่เกิดในกรุงมาดริด ประเทศสเปน, ฮาคิม ซิเย็ค ปีกตัวความหวังที่เกิดในเมืองดรอนเธ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ และ โซฟิยาน บูฟัล ที่ลืมตาดูโลกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นต้น โดยขนาด เรกรากุย เองก็เกิดในประเทศฝรั่งเศสเหมือนกัน ซึ่งนั่นทำให้เคยมีสื่อใน โมร็อกโก ที่แสดงความกังขาว่าพวกเขาจะเล่นให้ทีมด้วยความทุ่มเทที่ดีรึเปล่า
เรกรากุย เผยว่า "ผมต่อสู้กับความเห็นในเรื่องนี้มาหนักมาก ก่อนที่ศึก ฟุตบอลโลก หนนี้จะเริ่มขึ้นน่ะเรามีปัญหาอย่างมากในเรื่องนักเตะที่เกิดใน โมร็อกโก กับคนที่เกิดในชาติของทวีปยุโรป มันมีบางคน อย่างนักข่าวที่อยู่ในห้องแถลงข่าวในตอนนี้ที่บอกว่า -คนเหล่านี้ (หมายถึงคนที่เกิดในทวีปยุโรป) ไม่ได้รัก โมร็อกโก จริงๆ หรอก ทำไมไม่ใช้งานคนที่เกิดใน โมร็อกโก แทนล่ะ ?-"
"อย่างไรก็ตาม เราก็แสดงให้เห็นแล้วว่าชาวโมร็อกกันทุกคนก็คือคนโมร็อกกันอยู่วันยังค่ำ เมื่อพวกเขาเหล่านั้นมาเล่นให้ทีมชาติแล้วน่ะ พวกเขาก็อยากตายและอยากสู้เพื่อชาติ"
"ผมเองก็เกิดใน ฝรั่งเศส แต่มันจะไม่มีใครหน้าไหนที่จะพรากหัวใจที่ผมมีให้บ้านเกิดไปจากผมได้ นักเตะของผมทุ่มเทกันแบบ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม บางคนเกิดใน เยอรมนี, อิตาลี, สเปน, เนเธอร์แลนด์, ฝรั่งเศส และในทุกๆ ประเทศที่มีวัฒนธรรมด้านฟุตบอลที่ดี ซึ่งเมื่อคุณเอาพวกเขามาผสมรวมกันแล้วน่ะคุณก็จะได้ทีมที่ดี และได้เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ"
ผลงานจากนัดล่าสุดทำให้ เรกรากุย นับเป็นกุนซือเชื้อสายแอฟริกันคนแรกที่พาทีมเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศของ ฟุตบอลโลก ได้เป็นอย่างน้อยด้วย แต่เจ้าตัวเผยว่าไม่สนใจสถิตินั้นมากเท่าไหร่นัก "ผมไม่สนใจมันหรอก ผมก็แค่สู้เท่านั้น ประเด็นที่สำคัญคือเรื่องความสามารถ ไม่ใช่เรื่องที่ว่าคุณเป็นคนอาหรับหรือแอฟริกัน"
"สิ่งที่สำคัญคือความทะเยอทะยาน และนั่นก็คือสิ่งที่ผมมอบให้ลูกทีมของผม บางทีพอผมแก่แล้วน่ะผมอาจจะพอใจกับเรื่องนั้น (การเป็นกุนซือชาวแอฟริกันคนแรกที่มาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายของ ฟุตบอลโลก) ก็ได้ แต่ผมภูมิใจในประเทศของผมมากกว่า มันแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถใช้โค้ชชาวโมร็อกกันแล้วมีผลงานที่ดีได้ คุณก็แค่ต้องการความมั่นใจเท่านั้น"