พลพรรคสิงโตคำรามยังอยู่ในเส้นทางของการลุ้นแชมป์โลก หลังยัดเยียดความบรรลัยให้ เซเนกัล 3-0 โดยจะเข้าไปเจอกับแชมป์เก่าอย่าง ฝรั่งเศส ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
นี่คือสิ่งที่ผู้ชมอย่างผมอยากจะบอก
1. ก่อนอื่นไปดูการจัด 11 ผู้เล่นตัวจริงของ แกเร็ธ เซาธ์เกต แบบพอสังเขป
ระบบ 4-3-3
แผงแบ็คโฟร์ยึดชุดเดิมจากเกมสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่ม นั่นหมายความว่า ไคล์ วอล์คเกอร์ แย่งตำแหน่งแบ็คขวาจาก คีแรน ทริปเปียร์ เรียบร้อย
ตรงกลาง 3 ตัวก็ยึดชุดเดิมคือ ดีแคลน ไรซ์ ปักหลักเป็นตัวรับ ผนึกกำลังกับ จู๊ด เบลลิงแฮม กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
แดนหน้า แฮร์รี่ เคน เล่นหน้าเป้า
หน้าขวา บูกาโย่ ซาก้า ทวงตำแหน่งคืนจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ขณะทางซ้ายไม่มี ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ถอนตัวจากเกมนี้ด้วยเหตุผลเรื่องครอบครัว ฟิล โฟเด้น จึงได้ลงตัวจริงอีกนัด
ถือเป็นการจัดทีมที่สมดุลย์ดีนะครับ ด้วยระบบ 4-3-3 ที่เน้นเกมตรงกลางเป็นสำคัญ โดยไม่มีผู้เล่นหมายเลข 10 หรือ 'หน้าต่ำ' เหมือน 4-2-3-1
2. อังกฤษ เหนือกว่าด้วยคุณภาพของผู้เล่นจึงครองบอลทำเกมรุกได้มากกว่า
แต่เป็นการบุกแบบระมัดระวังยังไม่โหมหนักอะไร
นอกจากนี้เกมรุกก็ยังดูขาดๆ เกินๆ จนแทบหาจังหวะทำลายตาข่ายไม่ได้เลย
มิเท่านั้น
เล่นไปเล่นมากลับกลายเป็น เซเนกัล ที่ใช้จังหวะฉาบฉวย สามารถหาจังหวะเข้าทำอย่างได้น้ำได้เนื้อมากกว่าด้วยซ้ำ
ณ จุดนั้น ผู้ชมทางบ้านและแฟนคลับสิงโตคำรามอย่างผมคิดว่า อังกฤษ คงต้องเหนื่อยหนักแน่นอน เพราะคู่แข่งเล่นได้ไม่เลวเลยทีเดียว
บัดดล !!!
แฮร์รี่ เคน ที่ถอนตัวลงต่ำก็ผ่านบอลจังหวะเดียวให้ จู๊ด เบลลิงแฮม หลุดไปทางซ้ายจนถึงเส้นหลัง ก่อนจ่ายหักให้กัปตันทีมหงส์แดงกระทุ้งเข้าไปตุงตาข่าย !!!
3. รูปเกมไม่ถือว่าโสภาสักเท่าไหร่ จังหวะทำประตูก็เป็นรองคู่แข่งด้วยซ้ำ ทันใดกลับเป็นฝ่ายขึ้นนำ...ซะอย่างนั้น
อืมมมมมม...นะ
เวลาครองบอลบุกแบบขึงใส่คู่ต่อสู้ อังกฤษ ทำได้ไม่ดีนัก เพราะพวกเขาเล่นบอลช้า เนิบๆ นาบๆ จนแทบจะหาจังหวะจบไม่ได้ บอลมักไปตายก่อนเข้าพื้นที่สุดท้าย
ส่วนรูปแบบการรุกยังไม่หลากหลายอะไรมาก เฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อไปเทียบกับ ฝรั่งเศส ที่ลงสนามไปก่อนหน้า
ทว่าพลพรรค 'ทรี ไลอ้อนส์' จู่โจมแบบฉวยโอกาสได้เด็ดขาดมากนะครับ คือพอมีจังหวะก็จะเร่งเกมรุกรวดเร็วแล้วกะซวกตาข่ายได้เลย
...ว่าแล้วต้องชมการจ่ายบอลแบบหักเข้ามาของ 'ไอ้จู๊ด' ที่ทั้งฉลาดและเยือกเย็นเกินเด็กวัยว้าวุ่นและซอยยิก
4. ขึ้นนำ 1 ประตูยังไม่ทันไร อังกฤษ ก็มานำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะโต้กลับแบบทันด่วน
คราวนี้เป็น ฟิล โฟเด้น ที่ไหลบอลให้ แฮร์รี่ เคน หลุดไปตะบันแบบไม่ปรานีในช่วงทดเจ็บของครึ่งแรก
แทนที่จะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-0 กลับกลายเป็นจบด้วยสกอร์ 2-0
แบบนี้ก็ 'หวานเจี๊ยบ' สิครับ
มิหนำ หลังจากโดนสะเดิ๊บดาร์กซ์ไป 2 ดอก เครื่องของ เซเนกัล ก็ช๊อตไปเลยในครึ่งหลัง ว่าแล้วก็ยอมยกธงโดยดุษณี
5. จุดเด่นของพลพรรคสิงโตคำรามชุดนี้อยู่ที่เกมรุกนะครับ
รูปเกมของพวกเขาอาจไม่เลิศเลอมากนัก ต่อเมื่อมีจังหวะก็สามารถเข้าทำได้อย่างรวดเร็วและเด็ดขาดดีนักแล
แดนกลาง 3 คนช่วยเหลือกันอย่างกลมเกลียวทั้งทำลายเกมคู่ต่อสู้ คุมจังหวะ เปลี่ยนจังหวะ สอดกระสาน และขับเคลื่อน โดยมีหัวหอกตัวเป้าอย่าง แฮร์รี่ เคน ที่ถอนตัวลงมาสร้างสรรค์เกมรุกพลางขยับขึ้นไปหาจังหวะทำประตูตามสถานการณ์ของเกม
นอกจากจะซัลโวประตูแรกในทัวร์นาเมนต์นี้ได้ยังมีส่วนร่วมกับอีก 2 ประตูที่เหลือซะด้วย
อังกฤษ กระหน่ำไปแล้ว 12 ประตูจาก 4 เกม โดยที่กองหน้าตัวเป้าทำได้แค่ประตูเดียวนี่แหละที่บ่งถึงประสิทธิภาพในการทะลวง Rule Darks ของพวกอั้งม้อ
ขณะที่เกมรับก็เหนียวแน่นมิใช่เบา เพราะไม่เสียประตูมา 3 เกมติดต่อกันแล้ว
แต่บทพิสูจน์ของจริงกำลังแสยะยิ้มสยดสยองรออยู่ข้างหน้า
ฟุตบอลจะได้ คัมมิ่ง โฮม หรือไม่ เดี๋ยวได้รู้กัน !!!
บอ.บู๋