มันส์หยดติ๋งชนิดที่ไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้นเมื่อ อังกฤษ ผ่านเข้าไปบู๊กับ ฝรั่งเศส ในเกม ฟุตบอลโลก 2022 รอบแปดทีมสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากต่างก็มีชัยในรอบ 16 ทีมชนิดไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันในการลงสนามเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ธ.ค.
โดยเฉพาะ สิงโตคำราม แม้ก่อนหน้าทัวร์นาเมนต์จะมีผลงานไม่เอาอ่าวในศึก เนชั่นส์ลีก ซึ่งพวกเขาไม่ชนะเลยในหกนัดหลัง แต่พอมาถึงเกมที่มีความหมาย แกเร็ธ เซาธ์เกต นายใหญ่ ทรี ไลอ้อนส์ ยังโชว์กึ๋นให้เห็นเช่นเคยกับการพาทีมเขี่ย เซเนกัล แชมป์ แอฟริกา กระเด็นตกรอบชนิดสู้กันไม่ได้ด้วยสกอร์ 3-0
1.โผสิงโตขัดใจแฟน
เป็นไปอย่างที่สื่อเมืองผู้ดีเผยความคืบหน้าออกมาว่าเกมบู๊กับ เซเนกัล เซาธ์เกต จะดร็อป มาร์คัส แรชฟอร์ด กลับไปนั่งเป็นตัวสำรองตามเดิมโดยพร้อมส่ง บูคาโย่ ซาก้า กลับมาลงสนามในโผ 11 คนแรกอันเป็นการปรับทีมตำแหน่งเดียวจากนัดสยบ เวลส์ ในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม
ต่อข่าวคราวความเคลื่อนไหวดังกล่าว ทำให้สาวก ทรี ไลอ้อนส์ หงุดหงิดกันไม่ใช่น้อยเนื่องจากส่วนใหญ่อยากให้กองหน้าทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงต่อไปหลังเจ้าตัวสำแดงเดชได้อย่างจัดจ้านในเกมไล่ทุบ มังกรแดง 3-0 ซึ่งเขาพังประตูได้สองเม็ด
ฉะนั้นแล้ว จึงต้องรอดูกันว่า เซาธ์เกต จะตัดสินใจได้อย่างถูกต้องหรือเปล่าเนื่องจาก แรชฟอร์ด มีสถิติที่ดีที่สุดในทีมหลายด้านจากการลงสนามในทัวร์นาเมนต์นี้ 107 นาที
-ยิงประตูได้มากที่สุด
-ได้ง้างยิงมากที่สุด
-ยิงบอลเข้ากรอบได้มากที่สุด
-ได้สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่งมากที่สุด
แต่ที่แน่ๆ จู๊ด เบลลิ่งแฮม ในวัย 19 ปี 158 วันเป็นสตาร์ทีม สิงโตคำราม อายุน้อยที่สุดลำดับสองที่ได้เล่น ฟุตบอลโลก รอบน็อคเอาต์ต่อจาก ไมเคิ่ล โอเว่น ที่ได้ฟัดกับ อาร์เจนติน่า เมื่อปี 1998 ขณะมีอายุ 18 ปี 198 วัน
2.เซเนกัล โล่งได้กุนซือหายป่วยคุมทีม
สำหรับ เซเนกัล มีการปรับโผสองตำแหน่งจากเกมชนะ เอกวาดอร์ 2-1 โดยหนึ่งในนี้เป็นพราะ อิดริสซ่า เกย์ ติดโทษแบนจึงไม่สามารถลงสนามได้
ต่อการปราศจากมิดฟิลด์ทีม เอฟเวอร์ตัน ส่งผลให้แชมป์ แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ เลือกใช้งาน เครแป็ง ดิยัตต้า พ่อค้าแข้งทีม โมนาโก ลงสนามแทน ส่วนอีกราย นามปาลิส เมนดี้ ขุนพลทีม เลสเตอร์ ได้ลงเล่นก่อนหน้า ปาเป้ เกย์ ดาวเตะทีม มาร์กเซย์
ถึงกระนั้น เซเนกัล ก็ใจชื้นกันไม่น้อยเนื่องจากกุนซือ อลิยู ซิสเซ่ ซึ่งป่วยจนไม่ได้เดินทางมาแถลงข่าวก่อนเกมเมื่อวาน และมอบหน้าที่ให้ เรจิ๊ส โบเกิร์ต มือขวาตอบคำถามนักข่าวแทนมีอาการดีขึ้นแล้ว และสามารถทำหน้าที่อยู่ข้างสนามได้
3.ไร้ แรชฟอร์ด ไร้ปัญหา
เป็นอีกครั้งที่ เซาธ์เกต ทำให้ใครต่อใครต้องทึ่งไปกับการวางหมากของเขาซึ่งอาจขัดกับความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ แต่ทีม สิงโตคำราม สามารถคว้าผลลัพธ์ในเกมที่มีความหมายได้เสมอ
อย่างเกมในครึ่งแรกกับ เซเนกัล อังกฤษ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาฟอร์มที่กำลังสดของ แรชฟอร์ด เลยก็สามารถสอยตาข่ายนำหน้าไปก่อนถึง 2-0 จากฝีเท้าของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซึ่ง เบลลิ่งแฮม ถวายพานให้แปตุงตาข่ายง่ายๆ และทำให้ เฮนโด้ เป็นขุนพล ทรี ไลอ้อนส์ อายุมากที่สุดเป็นอันดับสอง (32 ปี 170วัน) ที่ยิงประตูใน ฟุตบอลโลก ได้ต่อจาก ทอม ฟินนีย์ ในเกมบู๊กับ สหภาพโซเวียต เมื่อปี 1958 (36ปี 64วัน)
ขณะเดียวกัน หนูจู๊ด ก็สร้างชื่อเพิ่มได้อีกตามเคยกับการเป็นนักเตะทีมชาติ อังกฤษ วัยละอ่อนที่สุดที่แอสซิสต์ในเกม ฟุตบอลโลก รอบน็อคเอาต์ได้ (19ปี158วัน) นับตั้งแต่มีการจดบันทึกสถิติกันเมื่อปี 1966
และในที่สุด แฮร์รี่ เคน ดาวซัลโวสูงสุดเมื่อสี่ปีก่อนก็ปลดล็อคกระทุ้งเม็ดแรกของตัวเองที่ กาตาร์ จนได้พาทีมเมืองผู้ดีนำไปก่อนอย่างหายห่วง 2-0 ในช่วงทดเวลาของครึ่งแรก
ขณะเดียวกัน ประตูของศูนย์หน้าทีม สเปอร์ส ทำให้ อังกฤษ เพิ่มจำนวนคนทำประตูใน ฟุตบอลโลก งวดนี้เป็นรายที่แปดแล้วซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับพวกเขาด้วยเนื่องจากก่อนหน้านี้นักเตะที่ยิงประตูให้ทีมได้ที่ กาตาร์ ประกอบไปด้วย เบลลิ่งแฮม , ซาก้า , ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ,แรชฟอร์ด ,แจ็ค กรีลิช และ ฟิล โฟเด้น ก่อนจะมี เฮนเดอร์สัน กับ เคน ผนวกเข้ามาอีกซึ่งหมายความว่า สิงโตคำราม ชุดนี้มีทีเด็ดในการกระซวกตาข่ายคู่ต่อกรอย่างแท้จริงชนิดที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครคนใดคนหนึ่งมากจนเกินไป
ถึงขณะนี้ เคน ซึ่งคลำเป้าให้ทีมชาติในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ได้มากที่สุด 11 ประตูแซงหน้า แกรี่ ลินิเกอร์ 10 ประตูได้แล้ว (7 ประตูใน ฟุตบอลโลก,4ประตูในศึก ยูโร) จึงยิงประตูใน ฟุตบอลโลก เป็นลูกที่ 7 แล้วเช่นกัน และน่าทึ่งอย่างแรงที่เขาง้างยิงแค่ 7 ครั้งเท่านั้นจึงเท่ากับว่าเป็นการเช็คบิลที่เข้าเป้า 100% ชนิดที่ไม่เคยมีนักเตะคนไหนทำได้มาก่อนนับตั้งแต่ปี 1966 ซึ่งเริ่มมีการจดบันทึกสถิติ
สำหรับ เบลลิ่งแฮม บอกเลยว่าเจ้าหนูสร้างชื่อในรายการนี้ได้อย่างเหนือชั้นเกินอายุเนื่องจากจบครึ่งแรกกับ เซเนกัล มีการเผยสถิติออกมาว่าสตาร์ทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายได้อย่างแม่นยำ 100% จากจำนวน 6 ครั้ง และผ่านบอลสำเร็จได้รวมทั้งสิ้น 23 ครั้งคิดเป็น 96% ซึ่งเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
96% ผ่านบอลแม่นยำ (23/24)
40 สัมผัสบอล
8 ชนะการดวล
4 แย่งบอล
3 เข้าปะทะ
2 ได้ฟาวล์
1 สร้างโอกาส
1 แอสซิสต์
เท่านั้นไม่พอ รวมทั้งสิ้น เบลลิ่งแฮม ประสบความสำเร็จในการเข้าปะทะแบบ 100% (11ครั้ง) เลยทีเดียวสำหรับ ฟุตบอลโลก ครั้งนี้ซึ่งไม่มีนักเตะคนไหนทำได้เสมอเหมือน
4. บ๊ายบายแชมป์แอฟริกา
ถึงจะมีดีกรีเป็นแชมป์ แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ แต่ สิงโตแห่งเตรันก้า โชว์ฟอร์มใน ฟุตบอลโลก หนนี้ได้ไม่เข้าตาเอาซะเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการขาดหัวใจสำคัญอย่าง ซาดิโอ มาเน่ ยอดหัวหอกซึ่งบาดเจ็บ และส่งผลให้ เซเนกัล ไร้พิษสงไปจมหู
จนในที่สุด พวกเขาก็พ่าย อังกฤษ ชนิดสู้กันไม่ได้ในทุกกระบวนท่า แต่มันไม่แปลกอะไรเลยเนื่องจากสถิติชี้ว่า สิงโตคำราม ไม่เสียท่าให้กับทีมจาก แอฟริกา ในเกม ฟุตบอลโลก รวมถึงเกมล่าสุดก็เป็น 8 นัดเข้าไปแล้ว (ชนะ 5 เสมอ3)
ขณะเดียวกัน ทีมจาก แอฟริกา ก็แพ้ทีมจาก ยุโรป ในรอบน็อคเอาต์ ฟุตบอลโลก เพิ่มเป็น 9 จาก 10 นัดหลังแล้ว ยกเว้นเกมที่ เซเนกัล เอาชนะ สวีเดน ได้ 2-1 ในรอบ 16 ทีมเมื่อปี 2002 (ช่วงต่อเวลาพิเศษ)
5.คู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ
เป็นอันว่า อังกฤษ จะต้องต่อกรกับ ฝรั่งเศส ในเกม ฟุตบอลโลก รอบแปดทีมวันเสาร์นี้ (10 ธ.ค.) ซึ่งถือเป็นเกมที่จะพิสูจน์ให้เห็นอย่างแท้จริงว่า เซาธ์เกต ดีพอที่จะพาทีมประกาศศักดาได้หรือไม่หลังจากสองทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่ผ่านมา เขาเกือบทำได้สำเร็จอยู่เหมือนกัน
ตามหน้าเสื่อ เป็นธรรดาที่ แชมป์เก่า จะถูกยกให้เป็นตัวเต็ง และได้รับการคาดหมายว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่า ทรี ไลอ้อนส์ หากแต่ถึงขณะนี้ไม่มีใครกล้าฟันธงอย่างเต็มปากเต็มคำแน่นอนว่าทีมของ ดิดิเยร์ เดส์ช็องส์ จะเป็นฝ่ายกำชัยเนื่องจาก อังกฤษ มีผลงานดีไม่หยอกเช่นกัน
ถึงกระนั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่างานนี้ ไคล วอล์คเกอร์ จะถูก คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ดาวซัลโวสูงสุดในขณะนี้สร้างความหนักใจให้แน่ และมันน่าลุ้นเหลือเกินว่าแบ็คขวาทีม แมนฯ ซิตี้ จะรับมือกับดาวยิงที่ได้รับการยกย่องว่าอันตรายที่สุดของวงการยุคนี้ได้ดีแค่ไหน
แม้จะว่าไป เลส์ เบลอส์ อาจมองดูวูบวาบ และจัดจ้านกว่า แต่อย่าลืมว่าทัวร์นาเมนต์นี้พวกเขามีนักเตะแค่สามรายเท่านั้นที่คลำเป้าได้คือ เอ็มบัปเป้ , โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และ อาเดรียง ราบิโอต์ ผิดกับ อังกฤษ ที่มีมากถึงแปดชีวิตในทัวร์นาเมนต์นี้ที่ดาหน้าถล่มประตูฝ่ายตรงข้าม
ฉะนั้นแล้ว หากจับผลัดจับพลู เอ็มบัปเป้ หรือ ชิรูด์ เกิดมีปัญหาก่อนเกมก็น่าจะเป็นเรื่องที่น่าหนักใจแทน แชมป์เก่า ไม่น้อย ไม่เหมือน สิงโตคำราม ที่ไม่ต้องพึ่งพาใครมากเป็นพิเศษ ขนาดว่า เคน ดาวซัลโวสูงสุดเมื่อสี่ปีก่อนเพิ่งมาปลดล็อคได้ในเกมรอบ 16 ทีม เซาธ์เกต ก็มีตัวรุกรายอื่นๆที่พร้อมพังประตูฝ่ายตรงข้าม
ขณะเดียวกัน หากเหลียวดูสถิติที่ทั้งคู่ดวลกันมาทั้งหมดในทุกรายการ อังกฤษ ยังข่ม ฝรั่งเศส อยู่นิดๆจากชัยชนะ 17 นัด เสมอ 5 นัด และแพ้ 9 นัด