ทีมชาติอังกฤษ โชว์ฟอร์มเริ่ดหรูอลังการด้วยการดับซ่า เซเนกัล 3-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกฟุตบอลโลก 2022 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา เกมนี้แนวรุกของ "สิงโตคำราม" โดยเฉพาะ จู๊ด เบลลิงแฮม ทำผลงานได้อย่างสุดยอดเกินวัย ขณะที่ แฮร์รี่ เคน ปลดล็อกตัวเองซัดประตูแรกบนดินแดนตะวันออกกลางได้ซะที สำหรับในรอบ 8 ทีมสุดท้ายพวกเขาต้องเจองานหนักปะทะแชมป์เก่า ฝรั่งเศส ฉะนั้น แกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องวางหมากให้ดีๆ หากอยากคว่ำทัพ "ตราไก่"
ตัวจริง
จอร์แดน พิคฟอร์ด : 6
มีโอกาสเซฟสุดสำคัญจากจังหวะการยิงของ อิสไมล่า ซาร์ ในช่วงครึ่งแรกตอนที่สกอร์ยังเสมอกัน 0-0 นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ต้องออกแรงอะไรมากนัก เพราะแนวรับเล่นได้อย่างแข็งแกร่ง
ไคล์ วอล์คเกอร์ : 6
เจองานหนักในการรับมือความเร็วและคล่องตัวของ ซาร์ จนต้องทำฟาวล์จนโดนใบเหลือง หลังจากนั้นผลงานค่อยๆ กระเตื้องขึ้น แต่กระนั้นเขาต้องพัฒนาฟอร์มให้ดีขึ้นกว่านี้ เพราะต้องรับมือกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
จอห์น สโตนส์ : 6
ยังคงเป็นหัวใจในเกมรับของ อังกฤษ แต่เกมนี้ไม่ค่อยเล่นประหม่าไปหน่อยในจังหวะครองบอล และบางครั้งก็ไม่ค่อยมีสมาธิ แต่กระนั้นก็ยังคือเป็นผู้นำในแผงแบ็กโฟร์ของทีม
แฮร์รี่ แม็กไกวร์ : 6
จ่ายบอลช้าไปหน่อย มีจังหวะผ่านบอลพลาดจนโดน เซเนกัล สวนกลับและเกือบเสียประตู อย่างไรก็ตามเจ้าตัวเล่นด้วยความมั่นใจและเป็นคู่หูที่แข็งแกร่งของ สโตนส์
ลุค ชอว์ : 6
ไม่ต้องเจอบททดสอบมากนักทางฝั่งซ้าย แต่กระนั้นเจ้าตัวก็ไม่ค่อยได้ดันเกมสูงเพื่อกดดันแนวรับเซเนกัล อย่างไรก็ตามฟอร์มโดยรวมถือว่าโอเคและคงได้ลงตัวจริงในเกมกับฝรั่งเศส
เดแคลน ไรซ์ : 7
ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นได้ดี สวมบทมดงานในแผงกองกลาง คุมจังหวะการเล่นและบางครั้งยังมีสอดประสานเพื่อเติมเกมบุกให้กับทีม และทุกครั้งที่บอลออกจากเท้าของเขาทีมมักจะมีลุ้นได้ประตูเสมอ
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน : 8
หลายคนอาจสงสัยที่เห็น เฮนเดอร์สัน ลงตัวจริง และผลงานของเขาสามารถตอบเสียงวิจารณ์ทั้งหมดได้เป็นอย่างดี "เฮนโด้" ประสานงานกับ เบลลิงแฮม และ ไรซ์ ได้อย่างลงตัว แถมยังเป็นคนยิงปลดล็อกให้ อังกฤษ ด้วย
จู๊ด เบลลิงแฮม : 9
ยิ่งเล่นยิ่งพัฒนา ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่สำคัญของ อังกฤษ ชุดนี้ การวิ่งหาพื้นที่ว่าง ความแข็งแกร่งในการครองบอล การเปิดบอลที่เฉียบคม และการเล่นราวกับนักเตะประสบการณ์สูงทั้งๆ ที่อายุเพียง 19 ปี จัดการแอสซิสต์ให้ เฮนเดอร์สัน และผ่านบอลถวายพานให้ โฟเด้น หลุดไปเปิดบอลให้ เคน กดประตู ทั้งหมดนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว่า เบลลิงแฮม คือหนึ่งในดาวรุ่งที่เก่งที่สุดในโลกจริงๆ
บูกาโย ซาก้า : 8
ผลงานครึ่งแรกอาจจะไม่ค่อยหวือหวา แต่ครึ่งหลังฟอร์มการเล่นสุดยอดเหลือเกิน ความรวดเร็วและการเลี้ยงบอลคล่องแคล่วทำให้แนวรับเซเนกัลต้องเจอกับงานหนัก มีสองถึงสามจังหวะที่สามารถสร้างโอกาสให้กับทีมได้ลุ้นทำประตู ที่สำคัญยังกด 1 ลูกเป็นประตูปิดท้ายด้วย
แฮร์รี่ เคน : 7
สวมบทพี่ใหญ่ในแดนหน้าได้อย่างยอดเยี่ยม การวิ่งหาพื้นที่ของเขาทำให้กองหลังเซเนกัลต้องสับสนและพะว้าพะวงในการตามประกบจนทำให้เกิดพื้นที่ในเขตโทษ นอกจากนี้ เคน มักจะขยับลงมาต่ำเพื่อรับบอล รวมทั้งยังสร้างประโยชน์ในการเล่นเกมสวนกลับ นอกจากนี้ยังจัดการปลดล็อกตัวเองด้วยการซัดประตูแรกในทัวร์นาเมนต์นี้ได้ซะที
ฟิล โฟเด้น : 8
ช่วงแรกๆ ยังเล่นไม่ออก แต่พอเวลาผ่านไปสามารถพัฒนาฟอร์มได้อย่างต่อเนื่อง การวิ่งทะลุทะลวงยังคงอันตราย ที่สำคัญเป็นคนทำ 2 แอสซิสต์ในแมตช์นี้
ตัวสำรองที่ได้ลงสนาม
แจ็ค กรีลิช (แทน ฟิล โฟเด้น น. 65) : 6
ความสามารถเฉพาะตัวช่วยให้เกมรุกของ "สิงโตคำราม" มีความอันตรายมากขึ้น เทคนิคของเขาทำให้นักเตะเซเนกัลต้องหยุดด้วยการทำฟาวล์
มาร์คัส แรชฟอร์ด (แทน บูกาโย ซาก้า น.65) : 6
มีโอกาสได้เล่นทางฝั่งขวา และแสดงผลงานจี๊ดจ๊าด เกือบยิงประตูได้แต่น่าเสียดายที่ซัดเข้าข้างตาข่าย ความเร็วยังคงน่ากลัว ความเฉียบคมในการยิงประตูอาจต้องปรับปรุงนิดหน่อย แต่โดยรวมถือว่าผลงานใช้ได้
เมสัน เมาท์ (แทน จู๊ด เบลลิงแฮม น.76) : 5
ลงมาไม่ค่อยได้ทำอะไรมากนัก เนื่องจาก อังกฤษ ทำสกอร์ทิ้งห่างไปแล้ว ส่งผลให้ทีมไม่เน้นเกมรุกมากนัก ทำให้เขาไม่ค่อยได้งัดทีเด็ดออกมาโชว์
เอริก ดายเออร์ (แทน จอห์น สโตนส์ น.76) : 5
ก็เหมือนกับ เมาท์ เพราะตอนนั้นเกมรับของ อังกฤษ ไม่เจอกับงานหนักอะไรมากนัก โดยนักเตะถูกส่งมาเล่นก็เพื่อได้โอกาสยืดเส้น
คัลวิน ฟิลลิปส์ (แทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.82) : ไม่มีคะแนน
ไม่มีเวลามากพอที่จะได้แสดงผลงาน
ทอมเม้ง