แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เตรียมปวดหัวกับการเลือกผู้เล่นลงสนามในเกมที่ทัพ "สิงโตคำราม" พบ เซเนกัล รอบ 16 ทีมสุดท้ายศึกฟุตบอลโลก 2022 วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคมนี้
ขุนพลเมืองผู้ดีโชว์ฟอร์มสวยหรูในรอบแบ่งกลุ่ม ด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม บี จากการชนะ อิหร่าน กับ เวลส์ และเสมอ สหรัฐอเมริกา โดยลูกทีมของเซาธ์เกต ทำผลงานได้อย่างร้อนแรงโดยเฉพาะ ฟิล โฟเด้น กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด
"ดร.แรชชี่" จัดการซัดสองตุงในแมตช์ทุบ "มังกรแดง" 3-0" ทำให้ตอนนี้ดาวเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซัดไปแล้ว 3 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ รั้งตำแหน่งดาวซัลโวร่วม ขณะที่ โฟเด้น ถือว่าเป็นนักเตะที่สร้างสรรค์เกมรุกให้กับอังกฤษได้ดีเยี่ยมโดยเฉพาะในพื้นที่สุดท้าย และซัดไป 1 ประตูในเกมพบ เวลส์ ด้วยเช่นกัน
จากผลงานของ แรชฟอร์ด และ โฟเด้น กอปรกับนักเตะกำลังสำคัญคืนอื่นๆ อย่างเช่น แฮร์รี่ เคน, ราฮีม สเตอร์ลิง กับ บูกาโย่ ซาก้า ทำให้ตอนนี้แนวรุกของ อังกฤษ อันตรายจนอยากจะต้านทานเอาไว้ได้จริงๆ
สำหรับแดนกลางกับกองหลังตอนนี้ผลงานก็คือว่ายอดเยี่ยมเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ทำให้ เซาธ์เกต ต้องขบคิดอย่างหนักเกี่ยวกับการจัดตัวผู้เล่นและแท็กติกให้เหมาะสมสำหรับเกมพบกับ เซเนกัล เพื่อโอกาสที่จะผ่านเข้าไปสู่รอบต่อไปให้ได้
ระบบ 4-2-3-1
เซาธ์เกต เคยใช้แผนการเล่นแบบนี้มาแล้ว 2 เกมในศึกเวิลด์ คัพ ฉบับตะวันออกกลาง แมตช์ปะทะ อิหร่าน และ สหรัฐฯ โดย เมสัน เมาท์ ลงเล่นตัวจริงในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ แต่เขายังไม่มีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ดในทัวร์นาเมนต์นี้
สำหรับ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่ได้ลงเล่น 57 นาทีในแมตช์ดวลกับ เวลส์ คงต้องกลับไปนั่งที่ซุ้มม้านั่งสำรองเพื่อหลีกทางให้ คีแรน ทริปเปียร์ ลงมาทำหน้าที่แบ็กขวา ส่วนคู่เซนเตอร์แบ็กหนีไม่พ้น จอห์น สโตนส์ กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ สำหรับแบ็กซ้ายต้องยกให้ ลุค ชอว์ เท่านั้น
ในส่วนของแผงมิดฟิลด์ แน่นอนว่า เดแคลน ไรซ์ จะได้ลงเล่นตัวจริง โดยมี จู๊ด เบลลิงแฮม ทำหน้าที่เป็นคู่หูแดนกลาง แต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนหาก คาลวิน ฟิลลิปส์ กลับมาฟิตสมบูรณ์ ด้าน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น่าจะรอโอกาสลงสนามในฐานะตัวสำรองเท่านั้น
ด้านแนวรุกตอนนี้ต้องยกให้ แรชฟอร์ด ยืนทางฝั่งซ้ายสำหรับฝั่งขวาเป็นหน้าที่ของ สเตอร์ลิง ด้าน โฟเด้น คอยทำหน้าที่ทะลุทะลวงตรงกลาง ซึ่งทั้งสามคนนี้จะคอยเป็นกำลังสนับสนุนให้กับ แฮร์รี่ เคน
ระบบ 4-3-3
อังกฤษ เคยปรับเปลี่ยนระบบการเล่นด้วยการใช้กองกลาง 3 คนในเกมพบ เวลส์ โดยเลือกใช้งาน "เฮนโด้" ขณะเดียวกันก็ดร็อป เมาท์ ซึ่งแมตช์นั้นลูกทีมของเซาธ์เกต สามารถครองเกมได้ตลอด และสร้างโอกาสทำประตูอย่างต่อเนื่อง
สำหรับระบบนี้ตำแหน่งผู้รักษาประตูยังคงเป็น จอร์แดน พิคฟอร์ด เหมือนเดิม ขณะที่แผงแบ็กโฟร์ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่จะมีการขยับสนับเปลี่ยนตรงแผงมิดฟิลด์ โดยทัพ "ทรี ไลอ้อนส์" จะเน้นเกมบุกที่ดุดันมากขึ้น ด้วยเหตุนี้พวกเขาจะจับ ฟิลลิปส์ เข้ามาเติมเต็มในแดนกลาง เคียงข้าง ไรซ์ กับ เบลลิงแฮม
ด้วยศักยภาพของ ฟิลลิปส์ ที่มักจะทำได้ดีในการแย่งบอล, ครองบอล และคุมจังหวะเกม รวมทั้งยังสามารถผ่านบอลได้เฉียบคม ส่วนแนวรุก เคน กับ แรชฟอร์ด ยังคงทำหน้าที่ไล่ล่าตาข่ายคู่แข่ง แต่จะปรับให้ ซาก้า ลงมาใช้ความเร็วจี๊ดจ๊าดทางฝั่งขวา
ระบบ 3-4-3
มีความเป็นไปได้ที่ระบบนี้อาจจะนำมาใช้ในเกมพบกับ เซเนกัล แต่ถ้าไม่ใช่ งานนี้ อังกฤษ อาจจะนำแท็กติกนี้ไปเล่นกับคู่ต่อสู้ที่มีศักยภาพสูงกว่าหากพวกเขาสามารถผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้
สำหรับแท็กติกนี้ เซาธ์เกต คงเลือก วอล์คเกอร์ ลงเล่นทางฝั่งขวา ขณะเดียวกันก็จะได้ลองใช้งาน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในตำแหน่งวิงแบ็ก ซึ่งดาวเตะลิเวอร์พูล เป็นผู้เล่นที่มีพรสวรรค์ในการเล่นเกมรุกอยู่แล้ว ฉะนั้นหากจับมาทำหน้าที่นี้เขาจะได้โชว์ฟอร์มได้อย่างเต็มที่
ส่วน วอล์คเกอร์ น่าจะเข้าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวกับการเล่นทางฝั่งเดียวกับ "หนุ่มเทรนต์" โดยเฉพาะการเติมเกมรุกเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายคู่แข่ง ส่วนแนวรับอีกสองคนก็ต้องยกให้ สโตนส์ ทำหน้าที่ยืนตรงกลาง สำหรับ แม็กไกวร์ ขยับไปอยู่ทางฝั่งซ้าย
ด้าน ชอว์ จะได้สนุกกับการเล่นเกมบุกเหมือนกับ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ขณะที่แผงกองกลาง ไรซ์ ยังคงเป็นตัวหลักตามเดิม แต่หากเล่นระบบนี้ เซาธ์เกต คงจะเน้นเรื่องเกมรับให้เหนียวแน่น ฉะนั้นก็น่าจะใช้งาน ฟิลลิปส์ มากกว่า เบลลิงแฮม
ขณะที่แดนหน้าบอกเลยว่าเป็นพวกสายสปีดที่พร้อมวิ่งฉีกกระชากแนวรับเซเนกัล โดย โฟเด้น จะยืนทางซ้าย ส่วน แรชฟอร์ด ทำหน้าที่ทางขวา โดยมี เคน เป็นหน้าเป้า ที่สำคัญหากเกิดคนใดคนหนึ่งในแนวรุกฟอร์มสะดุด ก็ยังมี ซาก้า และ สเตอร์ลิง ที่พร้อมเปลี่ยนลงมาแทนได้ตลอดเวลา
ทอมเม้ง