"อินทรีเหล็ก" เยอรมนี แชมป์โลก 4 สมัย สุดช้ำแม้ตัวสำรองอย่าง "ไค ฮาแวร์ตซ์" ช่วยกดสองอัด คอสตาริกา 4-2 ซิวชัยได้แต่วัดคะแนนเท่ากับ สเปน ที่พ่าย ญี่ปุ่น 4 แต้ม ทว่า ผลต่างเป็นรอง โดยทัพ กระทิงดุ มี +6 ส่วนพวกเขา +1 ตกรอบแรกเวิลด์คัพ 2022 ซึ่งเป็นหนที่สองติดถัดจากปี 2018
สนาม : อัล บายัต สเตเดี้ยม
ศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย กลุ่ม อี นัดที่สาม (นัดสุดท้าย) คืนวันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี มีเงื่อนไขการเข้ารอบน็อกเอาท์ก็คือ ต้องชนะนัดนี้ แล้วลุ้นให้ ญี่ปุ่น ไม่ชนะ สเปน จึงจะลิ่วสู่รอบ 16 ทีม ฮันซี่ ฟลิค จัดหนัก "ซาเน่-มุลเลอร์" นำลุย คอสตาริกา ของ หลุยส์ เฟร์นานโด ซัวเรซ ที่ต้องการผลคือ ชนะเข้ารอบทันที หากเสมอต้องให้ สเปน ยิงถล่ม ญี่ปุ่น 7 ประตู จึงจะเข้ารอบ "โจเอล แคมป์เบลล์" ยืนตะบันช่วยบ้านเกิด โดยไฮไลท์อีกอย่างคือเกมนี้ สเตฟานี่ ฟราปาร์ ผู้ตัดสินสุภาพสตรีชวาฝรั่งเศสคนแรกที่ได้ทำหน้าที่ในศึกเวิลด์คัพ
สตาร์ทเกมเพียงสองนาทีแรก จามาล มูเซียล่า ลากตัดจากซ้ายมาปั่นบอลจนทำให้นายด่านทัพกล้วยหอมออกแรงปัดทิ้งออกหลังไป
จากนั้นนาทีที่ 5 แซร์จ นาบรี้ เล่นบอลทำชิ่งกับ จามาล มูเซียล่า ก่อนหลุดมาทางซ้ายในเขตโทษยิงติดเซฟ เกย์ลอร์ นาบาส ปิดมุมได้ยอดเยี่ยม
จากนั้นแค่ห้านาที อินทรีเหล็กเฮ 1-0 จามาล มูเซียล่า ถ่ายบอลไปที่ ดาวิด เราม์ ครอสบอลเข้าหัว แซร์จ นาบรี้ โถมตัวสะบัดโหม่งบอลหนีมือ เกย์ลอร์ นาบาส เสียบตาข่ายอีกด้าน
ทัพเบียร์เดินเครื่องอีกนาที 14 อิลคาย กุนโดกัน หยอดบอลย้อยมาที่ เลออน โกเรทซ์ก้า สปีดลอยตัวโขกบอลกดพื้นทว่านายทวารคู่แข่งยังไม่ปล่อยผ่านทุบพ้นอันตรายได้ทัน
เวลาเดินสู่นาที 35 เลออน โกเรทซ์ก้า ไหลไปให้ โยชัว คิมมิช ส่องไกลเกือบ 30 หลาด้านขวาบอลมุดลงพื้นอีกหน คราวนี้ เกย์ลอร์ นาบาส พยายามย่อตัวรับแต่กระฉอกยังดีเจ้าตัวตามเก็บบอลได้
ต่อมาห้านาที แซร์จ นาบรี้ สบจังหวะซัดบอลเลี้ยวถากข้างเสาขวาแบบน่าลุ้นสกอร์เม็ดสองเจ้าตัวเกมนี้ด้วย ส่วน คอสตาริกา เกือบฉกฉวยความผิดพลาดของ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่ถูก เคย์เชอร์ ฟูลเลอร์ ขโมยมาซัดแต่เจอความเหนียว มานูเอล นอยเออร์ เซฟช่วยไว้
หมดครึ่งแรก เยอรมนี ออกนำ คอสตาริกา 1-0
ทัพกล้วยหอมตี 1-1 ครึ่งหลังนาที 58 เคย์เชอร์ ฟูลเลอร์ ไหลบอลทำชิ่งกับ โจเอล แคมป์เบลล์ ก่อนเจ้าตัวหลุดมาในเขตโทษด้านขวาหยอดให้ เคนดอลล์ วาสตั ทิ้งตัวโหม่ง มานูเอล นอยเออร์ ปัดทีแรกทว่าไม่พ้นโดน เยลต์ซิน เทเยด้า ซ้ำตุงตาข่ายสุดช็อก
สองนาทีถัดมา เลรอย ซาเน่ กระชากเจาะกลางสนามถ่ายไปที่ จามาล มูเซียล่า ซัดบอลจากซ้ายชนเสาขวา แม้ดาวรุ่งเสือใต้พยายามยิงอีกครั้งแต่ไม่เป็นผล
แค่นาทีเดียวอินทรีเหล็กพลาดโอกาสสำคัญ โยชัว คิมมิช ดอดสูงพร้อมปาดบอลเรียดมาเสาขวา อันโตนิโอ รือดิเกอร์ เติมช่วยเกมบุกแหย่เท้าจิ้มบอลถากเสาน่าเสียดาย
ทัพเบียร์เปิดฉากลุยหนักนาที 67 โยชัว คิมมิช โยกยืนแดนกลางจ่ายไปที่ จามาล มูเซียล่า แต่งบอลเข้าเหลี่ยมปั่นโค้งบอลโดนเสาขวาอย่างจังเช่นเคย
แต่แล้วนาที 70 คอสตาริกา พลิกนำ 2-1 โจเอล แคมป์เบลล์ โยนฟรีคิกริมเส้นด้านซ้ายบอลโด่งมาถึง ,เคนดอลล์ วาสตัน โขกย้อยมาหน้าปากประตู ฮวน ปาโบล วาร์กัส ยกเท้ายิงผ่าน มานูเอล นอยเออร์ เข้าประตู สเตฟานี่ ฟราปาร์ กรรมการสุภาพสตรีเช็ควีเออาณ์ยืนยันสกอร์
ทว่าสามนาที อินทรีเหล็ก ไม่ยอมตี 2-2 โยชัว คิมมิช ดักโหม่งบอลเคลียร์ทิ้ง นิคลาส ฟึลครุก สะกิดให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ตัวสำรองหลุดเดี่ยวในเขตโทษซัดหนี เกย์ลอร์ นาบาส
จากนั้นนาที 76 ไค ฮาแวร์ตซ์ วิ่งทำทางรับบอลด้านซ้ายเลี้ยงกินระยะป้ายสั้น เลรอย ซาเน่ ตบบอลมาด้านเสาขวา นิคลาส ฟึลครุก ซัดติดหน้า เกย์ลอร์ นาบาส ลอยออกหลัง
เกมนี้ยังมีประตูช่วงนาที 85 แซร์จ นาบรี้ โยกมาเปิดบอลด้านขวา ไค ฮาแวร์ตซ์ ปรี่ยกเท้ายิงระยะ 7 หลาพา อินทรีเหล็ก นำอีกครั้ง 3-2
ถัดมาอีกนาที ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้ยิงอีกหน เกย์ลอร์ นาบาส ปิดเสาซ้ายทุบทิ้งบอลโด่งมาหา โยชัว คิมมิช โหม่งบอลย้อยตรงตัวนายด่านกล้วยหอม โดยท้ายเกมนาที 89 อินทรีเหล็ก บวกสกอร์เป็น 4-2 หลัง นิคลาส ฟึลครุก ส่งบอลสู่ก้นตาข่าย กรรมการชี้ลำหน้าก่อนดูวีเออาร์กลับคำ
จบเกม เยอรมนี แชมป์โลก 4 สมัย สุดช้ำอัด คอสตาริกา 4-2 ซิวชัยได้แต่วัดคะแนนเท่ากับ สเปน ที่พ่าย ญี่ปุ่น 4 แต้ม ทว่า ผลต่างเป็นรองทัพ กระทิงดุ มี +6 ส่วนพวกเขา +1 ตกรอบแรกเวิลด์คัพ 2022 ซึ่งเป็นหนที่สองติดถัดจากปี 2018
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
คอสตาริกา (5-4-1) : เกย์ลอร์ นาบาส,เคย์เชอร์ ฟูลเลอร์ (เจวิสัน เบนเน็ตต์ น.74),ออสการ์ ดูอาร์เต้,เคนดอลล์ วาสตัน,ฮวน ปาโบล วาร์กัส,ไบรอัน โอเบียโด้ (แอนโทนี่ย์ คอนเตรราส น.90+3),แบรนดอน อากีเลร่า (ยุสติน ซาราส น.46),เซลโซ่ บอร์เกส,เยลต์ซิน เทเยด้า (โรอัน วิลสัน น.90+3),โจเอล แคมป์เบลล์,โจฮัน เวเนกาส (โรนัลด์ มาตาริต้า น.74)
เยอรมนี (4-2-3-1) : มานูเอล นอยเออร์,โยชัว คิมมิช,นิคลาส ซือเล่ (มาติอัส กึนเทอร์ น.90+3),อันโตนิโอ รือดิเกอร์,ดาวิด เราม์ (มาริโอ เก็ตเซ่ น.67),เลออน โกเรทซ์ก้า (ลูคัส คลอสเตอร์มันน์ น.46),อิลคาย กุนโดกัน (นิคลาส ฟึลครุก น.55),แซร์จ นาบรี้,จามาล มูเซียล่า,เลรอย ซาเน่,โธมัส มุลเลอร์ (ไค ฮาแวร์ตซ์ น.67)
ผู้ตัดสิน : สเตฟานี่ ฟราปาร์ (ฝรั่งเศส)