สารภาพเลยว่าผมแอบเอาใจช่วยชาติจากเอเชียด้วยกันตลอดหลายวันมานี้ ยิ่งญี่ปุ่นกับเกาหลีด้วยแล้วก็ยิ่งอยากลุ้นให้พวกเขาฝ่าด่านเข้ารอบน็อกเอาต์ได้สำเร็จ เหตุผลนะหรือครับ? ก็พวกหล่อนทั้งขาว ทั้งน่ารัก ยิ่งเวลายิ้มเหมือนโลกใบนี้ฉาบด้วยสีชมพูไปหมด(ฮ่า)
นั่นแค่ส่วนหนึ่งครับ เอาจริงๆก็เพียงรู้สึกว่ามันคงจะทำให้ทวีปของเราได้รับการยอมรับจากต่างชาติมากขึ้น ยิ่งพวกตะวันตกด้วยแล้ว
ต่อมาก็ปรารถนาเหมือนเดิมว่าประเทศไทยของเราจะหันไปเรียนรู้และศึกษาอย่างจริงจัง
ว่าทำอย่างไรเพื่อพัฒนาวงการลูกหนังตัวเอง
คุณว่าผมฝันลมๆแล้งๆไปหรือเปล่า??
(ถอนหายใจยาว)
เมื่อวันจันทร์ผมสะพายเป้ไปสนามEducation City Stadiumดูเกมเกาหลีใต้กับกาน่ามา ก็มีแต่ความเสียดายแทนกองเชียร์โสมขาวทุกคนโดยเฉพาะหลายพันชีวิตที่ตามมาลุ้นถึงกาตาร์เนื่องจากพวกเขาสู้ได้เต็มที่อย่างที่สุดแล้วเพียงแต่มันไม่ใช่วันของพวกเขาเท่านั้น
แม้แต่นักข่าวข้างๆที่ฟังจากสำเนียงน่าจะยุโรปตะวันออกก็ยังพูดออกมาเลย"วันนี้สปิริตของเกาหลีชนะใจทุกคน..."
ครึ่งแรกตามหลัง0-2พอมาครึ่งหลังตามตีได้2-2โดยตอนนั้นโมเมนตัมกำลังมาแล้ว ขุนพลจากแดนกิมจิบุกอยู่ฝ่ายเดียวแต่จังหวะโต้หนเดียวของกาน่าก็กลายเป็นประตูชัยที่ทำให้เกมจบก็มีแฟนเกาหลีบางรายถึงขั้นกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
สถิติหลังเกมก็ยืนยันบางอย่างออกมา
ครองบอล : เกาหลี 63% กาน่า 37%
โอกาส : เกาหลี 22 กาน่า 7
เตะมุม : เกาหลี 13 กาน่า 5
เอาตัวเลขที่กำลังนิยมในยุคนี้xG(Expected Goals)ก็ชัดเจนว่าเกาหลีสร้างโอกาสได้น้ำได้เนื้อกว่า : เกาหลี(2.36)-(1.61)กาน่า
ก็นั่นเองที่เจ้าลูกกลมๆไม่เคยมีกฎว่าใครที่ครองบอลหรือทำเกมได้ลุ้นหวาดเสียวกว่าจะต้องเป็นผู้ชนะเสมอไป จะกล่าวว่ามันเป็นความโหดร้ายของเกมกีฬาขวัญใจมหาชนก็ได้หรือจะเชิดชูว่านี่แหละคือเสน่ห์ที่ทำให้ต่างจากกีฬาประเภทอื่น
ปัญหาของเกาหลีอยู่เกมรับโดย2จาก3ลูกที่เสียนั้นควรป้องกันได้โดยเฉพาะลูกที่สองที่เกมรับยืนตำแหน่งกันไม่ดี เผลอเรอไม่ได้อ่านลูกโยนของจอร์แดน อายิวที่ตักไปเข้าหัวโมฮัมเหม็ด กูดัสเช็ดบางๆเข้าไป
อย่างไรก็ตามคำถามที่หลายคนสงสัยก็พุ่งเป้ายังสตาร์เบอร์หนึ่งที่ผ่านมาสองเกมแล้วมีฟอร์มที่ต่ำกว่ามาตรฐานต่างจากภาพที่ได้เห็นประจำยามโลดแล่นในเวทีพรีเมียร์ลีก
"เกิดอะไรขึ้นกับซน?"
ผมก็เอาประเด็นนี้ไปคุยกับนักข่าวเกาหลีที่ก็ทำงานในอังกฤษด้วยก่อนได้รับคำอธิบายออกมาได้สองหัวข้อใหญ่
1. สภาพร่างกายที่ไม่ฟิตเต็มร้อย
2. เกาหลีกับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์สไม่เหมือนกัน อยู่กับสเปอร์สมีองค์ประกอบเกื้อหนุนดีกว่าโดยเฉพาะแฮร์รี่ เคน
มีอีกบางข้อที่ผมอยากเสริมไปครับหลังได้ดูมาเต็มเกม เรื่องของความกดดันยังไงก็ต้องมีผล ความเป็นซน ฮึง-มินซึ่งโด่งดังสุดของทีมชุดนี้ เอาว่าตอนโฆษกประกาศชื่อก่อนเกมก็มีเสียงกรื๊ดดังสุดพอถึงตัวเขา
ต่อมาก็น่าเป็นตำแหน่งด้วย อยู่สเปอร์สนั้นอันโตนิโอ คอนเต้วางให้ซนเป็นกองหน้าคู่กับเคนไปแล้ว พอมากับเกาหลีต้องมาเป็นตัวริมเส้นด้านซ้ายโดยคอยวิ่งมาช่วยเกมรับตลอด ถึงจะเป็นบทบาทที่เจ้าตัวเคยเล่นมาก่อนแต่อย่าลืมว่าศักยภาพของซนที่เราได้เห็นในเครื่องแบบไก่เดือยทองเป็นตัวทำสกอร์ ไม่ใช่ตัวคอยมาเปิดชงให้เพื่อน
ผลจากการแพ้ให้กาน่าทำให้เกมสุดท้ายบีบต้องเอาชนะโปรตุเกสให้ได้เท่านั้นเพื่อโอกาสในการได้ตั๋วรอบ16ทีม
ในโลกของฟุตบอลขอให้ยังมีหวังก็มีโอกาส
เพียงแต่มันย่อมเป็นไปได้ยากหากฟอร์มของกัปตันหมายเลข7ยังเร่งไม่ขึ้นเหมือนสองเกมที่ผ่านมา ก็โมงยามนี้เกาหลีกับซนก็ไม่ต่างเลยจากลิโอเนล เมสซี่กับอาร์เจนติน่า
"ไก่ป่า"