เป็นคืนที่ยากจะเลี่ยงไม่ให้น้ำตารื้น...
ตั้งแต่ก่อนเกมแล้วที่มีแฟนบอลอาร์เจนตินาเอาผ้าผืนใหญ่มาวางเป็นรูปพระเจ้าผู้ล่วงลับของพวกเขาโดยข้างๆก็ยังมีเทียนไขจุดไฟหนึ่งดวงพร้อมกรอบรูปพระเจ้าคนเดิมอีก จากนั้นก็มีคนแห่กันมาถ่ายรูปบ้าง อัดวีดีโอบ้างไปจนถึงมาคุกเข่ากราบไหว้บ้าง
ครบรอบสองปีที่ดีเอโก้ มาราโดน่าจากโลกนี้ไป หากถึงตัวจะไม่อยู่แต่เขาก็ยังสิงสถิติอยู่ในหัวใจชนชาวฟ้าขาวทุกชีวิต มันสัมผัสได้ชัดเจนเพราะยังคงมีแฟนบอลสวมเสื้อหมายเลข10ชื่อMaradonaมากันเยอะ ยังคงมีการสื่อสารถึงด้วยความหวังว่ามาราโดน่าจะช่วยให้ทีมได้แชมป์โลกสมัยที่สามสำเร็จ แน่นอนว่าครั้งนี้มันมีความหมายกว่าทุกๆครั้ง
"Messi tchau Messi tchau"เพลงที่แฟนบราซิลร้องในรถเมโทรขาไปสนามซึ่งตอนแรกผมก็ไม่รู้ความหมายหรอกจึงต้องเข้ามไปถาม
มันแปลได้แบบนี้ครับ"Bye Messi Bye Messi"
การแพ้อย่างพลิกล็อคให้ซาอุฯในเกมแรกทำให้สถานการณ์ของอาร์เจนตน่าสุ่มเสี่ยงที่จะกระเด็นตกรอบ มันไม่ใช่แค่ประเทศที่บ้าคลั่งบอลที่ควรไปได้ไกลกว่านี้ มันก็ยังไม่ใช่เพียงแต่เป็นดินแดนที่ผลิตยอดคนค้าสตั๊ดมาประดับวงการมากมาย
สำคัญที่สุดเพราะมันจะเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายแล้วของลูกผู้ชายนามว่าลิโอเนล เมสซี่
มันจึงเป็นความฝันครั้งยิ่งใหญ่ที่ชนชาวอาร์เจนไตน์ทุกคนปรารถนาว่าหนนี้ที่กาตาร์จะต้องสมหวังให้ได้ เมื่อวันเสาร์ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกแล้วที่บรรยากาศมีการก่อตัวขึ้นราวกับว่าเป็นรอบตัดเชือกหรือนัดชิงก็ได้ ต่อให้แพสชั่นของเม็กซิโกก็จัดอยู่ในเกณฑ์เยี่ยมแต่ก็ต้องยอมรับว่าพอเอาเข้าจริงปริมาณของเสื้อสีเขียวก็ยังน้อยกว่าสีฟ้าขาวพอควร
มีคณะกลองชุดที่ตีไม่หยุดเป็นต้นเสียงให้อีกหลายคนต้องมาชุมนุม
มีแผ่นผ้าที่กางขึงเต็มไปหมด นี่คือเสน่ห์ของอาร์เจนติน่าที่พบได้ในทุกรายการไม่ว่าจะแข่งที่ไหน เนื้อหาในนั้นก็มักจะเอ่ยถึงบุคคลสองคน
1.มาราโดน่า
2.เมสซี่
เกมในครึ่งแรกที่เต็มด้วยความอึดอัด ว่ากันตามตรงคุณภาพของเกมก็ถือว่าต่ำอีกต่างหาก เหตุผลหลักเนื่องจากทางทีมจังโก้มาแบบเน้นเกมรับเต็มรูปแบบด้วยระบ5-4-1
ตอนนั้นมีแฟนอาร์เจนติน่าบางคนที่ทรุดไปนั่งบนเก้าอี้ด้วยแววตาลอยๆเพราะผลเสมอก็ยังไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับพวกเขา ชัยชนะเท่านั้นต่างหากที่ทีมต้องการโดยเฉพาะเป็นการเพิ่มความมั่นใจ ย้อนไปวันแย่ๆกับซาอุฯที่ทำให้เสียสถิติไร้พ่าย36เกมก็เป็นเมสซี่ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาและทีม
"ผมมีปัญหาที่ข้อเท้าแต่ มันเป็นวันที่เวลาผ่านไปช้ามา ในห้องแต่งตัวทุกคนก็เงียบกันหมด มันเป็นความรู้สึกที่ว่าเราต้องทำอะไรสักอย่าง"
เมสซี่ก็เป็นมนุษย์ครับ ต่อให้เขาจะได้รับการสถาปนาว่าเป็นนักบอลที่เก่งสุดแห่งยุค กวาดโทรฟี่มานับไม่ถ้วนรวมถึงได้รางวัลบัลลงดอร์มาแล้ว 7 สมัย อย่าลืมว่าตอนนี้อายุปาไป 35 แล้ว เขาเองก็แบกรับแรงกดดันอันหนักหน่วงมาตั้งแต่ยังวัยรุ่น ทุกทีมที่เจอเขาไม่ว่าสโมสรหรือทีมชาติก็ต้องมุ่งที่คอยตามประกบติด
เม็กซิโกทำได้แต่ทำได้ถึงกลางของครึ่งหลังเท่านั้น นี่เป็นความแตกต่างของผู้เล่นทั่วไปกับคนที่อยู่ถูกจัดในหมวดของซูเปอร์สตาร์ บอลที่ได้มาจากอังเคล ดิ มาเรียมีการจับหนึ่งจังหวะก่อนตะบันด้วยเท้าซ้ายข้างถนัด จากนั้นก็เป็นเสียงไชโยสนั่นหวั่นไหวจากทั้งสี่ทิศของสนามที่เต็มไปด้วยเสื้อสีฟ้าขาว
ตอนนั้นกล้องทีวีก็มีซูมไปยังซุ้มสำรองซึ่งปาโบล ไอมาร์ ผู้ช่วยของลิโอเนล สกาโลนี่ได้หลั่งน้ำตาออกมาเพราะนอกจากเป็นประตูนำที่สำคัญก็ยังมาจากการซักซ้อมให้เมสซี่ถอยต่ำมาแทบจะเป็นกองกลาง เปรียบเป็นอเมริกันฟุตบอลก็ตำแหน่งควอเตอร์แบ็กยังไงยังงั้น
เมสซี่มีไอมาร์นี่แหละเป็นไอดอล
ไอมาร์เองก็มักออกมาพูดเสมอว่าใครก็ตามที่มีเมสซี่ในทีมก็มองได้ถึงชัยชนะทุกเกม"ขอเพียงมีเขาอยู่ในทีมก็พอ..."
1 ประตูกับ 1 แอสซิตส์ทำลายเกมรับเม็กซิโกได้ยืนยันในตัวเองว่าบนสถานการณ์ขับคันก็ต้องเป็นเจ้าของเสื้อหมายเลข10อีกนั่นเองที่จะก้าวขึ้นมาเป็นฮีโร่
"ทุกเกมของเราจากนี้คือนัดชิงบอลโลก เราหวังจะเอาชนะให้ได้หมดจนถึงวันสุดท้าย"เมสซี่กล่าวไว้หลังเกม
แปลกแต่จริงในวันที่ทีมกำชัยได้ก็มีน้ำตาไหลออกมา ทุกอย่างมันบังเอิญมาเจอกันไม่ว่าจะครบรอบสองปีของมาราโดน่ามาถึงเมสซี่ยิงประตูรักษาความหวังให้ยังอยู่
อย่างหนึ่งที่ผมรับรู้ได้...อาร์เจนติน่าเป็นชาติที่มีสุนทรียะทางอารมณ์สูง
"ไก่ป่า"