เสียงโห่ดังในระดับที่ได้ยินชัดเจนกับอีกเกมที่แย่ๆของทีมชาติอังกฤษ แม้ความจริงมันก็ไม่ถึงขั้นว่าเลวร้ายในเมื่อก็ยังมีคะแนนติดมือโดยโอกาสผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ก็คงสดใสแต่อีกนั่นแหละเพราะนี่คือชาติที่แบกความหวังของผู้คนร่วม50ล้านทั่วประเทศไว้
หลังเกมก็มีกระแสวิจารณ์ต่างๆจากทั้งสื่อ, อดีตนักเตะชั้นตำนานไปจนถึงแฟนบอลต่อการวางตัวกับแก้เกมของแกเร็ธ เซาธ์เกต
นี่คือโค้ชที่ทุกครั้งที่หกล้มก็มักเจอรุมประชาทัณฑ์ทันที
หากหลักฐานจากเกมที่ทำได้แค่เสมอสหรัฐฯ0-0แบบที่เล่นเป็นรองกว่าเกือบทั้งเกมก็ยากที่เซาธ์เกตจะรอดพ้นสิ่งเหล่านั้นได้ มาตรฐานที่กวัดแกว่งให้หลังเพียงไม่กี่วันที่ต้อนอิหร่านมา6-2ก็กลายเป็นมวยที่ไร้ชั้นเชิงไปซะงั้น
แฮร์รี่ เคนสัมผัสบอลในเขตแดนตัวเองมากกว่าคู่แข่ง
ตลอด90นาทีก็มีโอกาสลุ้นเสียวจริงจังไม่เกิน2ครั้งซึ่งให้วิเคราะห์อย่างตื้นเขินก็มาจากเกมรุกที่ขาดไอเดียในการเข้าทำ หมากง่ายๆ(ที่อาจทำไม่ได้ง่าย)ในการหยุดสิงโตตัวนี้ก็อยู่ที่ทำให้เคนมีส่วนร่วมกับเกมน้อยที่สุดหรือต่อให้ได้บอลไปได้ก็ต้องบีบให้แค่ป้ายคืนหลังไว้ก่อน
ใช่ครับ-ขุนพลแยงกี้ทำได้ตามนั้นทุกประการ
"USA USA USA"กระหึ่มขึ้นในหลายช่วงของเกม เป็นการกระตุ้นก็ด้วยและเป็นการข่มขวัญอีกฝ่ายก็ด้วยในเกมที่พวกเขาสู้ได้ยอดเยี่ยม
การจัด11ตัวแรกของเซาธ์เกตก็พอเข้าใจได้ว่าอยากยึดชุดเดิมที่กำลังโชว์ผลงานได้ดีในเกมแรกกับอิหร่านแต่คำถามตัวโตๆก็อยู่ที่การเลือกเปลี่ยนตัวของเขาต่างหากว่าทำไมถึงไม่หยิบฟิล โฟเด้นมาใช้งานในเกมที่ปรารถนาใครสักคนมาสร้างสรรค์โอกาส
ทำไมนักเตะที่ได้ชื่อว่ามีพรสวรรค์จากธรรมชาติมากสุดของทัพอังกฤษชุดนี้ถึงดูคล้ายว่าจะเป็นชอยส์ไม่ได้รับการไว้วางใจพอมาสวมเครื่องแบบให้ทีมชาติ?
โฟเด้นเป็นฟันเฟืองตัวสำคัญของแมนฯซิตี้ในยุคที่ครองความยิ่งใหญ่เวลานี้
โฟเด้นเองก็เป็นผู้เล่นที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่าเอ่ยถึงตลอดโดยใช้คำว่า"exceptional"เปรียบถึง
การที่เซาธ์เกตมีทางเลือกในตัวทำเกมหลายคนก็เป็นสิทธิโดยชอบธรรมที่จะไว้ใจราฮีม สเตอร์ลิ่งก่อนใคร มาบอลโลกหนนี้ก็เป็นบูกาโย่ ซาก้าที่ขึ้นมายึดตัวจริงจากสองเกม อีกคนก็เป็นเมสัน เมานท์ซึ่งเมื่อคืนวันศุกร์กับสหรัฐฯก็ทำอะไรไม่ได้เป็นชิ้นอันนัก
"สำหรับโฟเด้นแล้วการที่เขาไม่ได้เป็นตัวจริงให้อังกฤษถือเป็นเรื่องน่าผิดหวังเพราะว่าเขามีพรสวรรค์สูงมาก เขาเป็นนักเตะดีสุดของทีมชุดนี้ในแง่ของทักษะที่ฟ้าประทานให้ เขาเองก็แสดงออกในทุกๆสัปดาห์กับซิตี้"แกรี่ เนวิลล์แสดงมุมมอง
เจมี่ คาร์ราเกอร์เป็นอีกคนที่เขียนไว้ผ่านคอลัมน์ตัวเองในเดลี่ เทเลกราฟถึงประเด็นร้อนนี้"หากมีใครบอกผมว่าโฟเด้นจะได้ลงสนามแค่ 19 นาทีในสองเกมแรกของฟุตบอลโลกก็ต้องคิดไว้ก่อนว่าเขาบาดเจ็บ คำถามเลยว่าเป๊ปจะเลือกกรีลิชก่อนโฟเด้นในยามที่ทีมต้องการประตูงั้นหรือ? มันแทบไม่น่าเป็นไปได้"
ถึงตรงนี้โฟเด้นเพิ่งรับหมวกสิงโตสามตัวไม่ถึง 20 ใบเลยโดยเทียบกับสิ่งที่เด็กปั้นจากเรือใบแสดงให้ประจักษ์ในพรีเมียร์ลีกรอบหลายปีมานี้ก็อาจตีความเองไปได้เลยว่าผู้เป็นโค้ชจะต้องมีอคติอยู่ในใจแน่ๆ
ใครที่ตามดูอังกฤษมาก็ย่อมสะท้านถึงแนวการทำทีมตามสไตล์เซาธ์เกต
บอลที่เน้นผลมาก่อนความสวยงาม บอลที่จะเรียกว่าอนุรักษ์นิยมก็อาจไม่ถูกต้องนักแต่ก็ไม่ใช่นำเสนอความเอนเตอร์เทน
ในนาที68การที่เลือกแจ็ค กรีลิชกับจอร์แดน เฮนเดอร์สันเป็นสองตัวสำรองโดยลงไปแทนสเตอร์ลิ่งกับจู๊ด เบลลิ่งแฮมก็ยืนยันว่าเซาธ์เกตไม่ได้หวังจะเพิ่มมิติของเกมรุกลงไปเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้คนในชาติจะเรียกกีฬาฟุตบอลว่าซอคเกอร์
ขอย้ำว่า4 แต้มจาก 2 เกมย่อมไม่เลวร้าย ยิ่งกวาดสายตาดูผลของกลุ่มอื่นที่มีล็อคพังกันไปแล้ว
เอาผลงานเก่าๆมาจากบอลโลก2018มายูโร2020ก็มีพัฒนาการที่คงทำให้เอฟเอไว้ใจในเซาธ์เกต มันก็เป็นเรื่องที่สมควรเช่นนั้นที่จะยึดมั่นในโค้ชที่พาทีมทะยานมาไกลที่สุดนับจากชุดแชมป์โลก1966
อีกนั่นเอง...ความที่เป็นเซาธ์เกตซึ่งมักตีเซฟมากกว่าทุ่มสุดตัวเพื่อลองเสี่ยงสักตั้งก็อาจเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้ความฝันของชนชาติหนึ่งที่ภูมิใจต่อคำว่า'Home Of Football'เป็นจริง
"ขยับเมานท์ลงมาต่ำคู่กับเดแคลน ไรซ์ ส่งโฟเด้นไปปั้นเกมร่วมในแนวรุกเพื่อทำลายกำแพงมนุษย์ของสหรัฐฯ"
ประโยคข้างต้นไม่ได้มาจากอดีตนักเตะชื่อก้องคนไหน
ผมแอบจินตนาการเอาเองระหว่างนั่งดูเกมอย่างอึดอัดในสนาม...
"ไก่ป่า"