ก่อนแข่งแทบไม่รู้จัก! 5 แข้งธรรมดาสร้างชื่อระบือในศึกฟุตบอลโลก

ก่อนแข่งแทบไม่รู้จัก!  5 แข้งธรรมดาสร้างชื่อระบือในศึกฟุตบอลโลก
ไม่มีเวทีลูกหนังยิ่งใหญ่ไปกว่าศึกฟุตบอลโลกอีกแล้ว และในทัวร์นาเมนต์นี้เป็นโอกาสทองสำหรับนักเตะอาชีพที่จะได้โชว์ฝีเท้าจนก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ลูกหนังชนิดที่ไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อน

เป็นที่ทราบกันดีว่าเวิลด์ คัพ คือเวทีฟุตบอลที่เปิดโอกาสให้พ่อค้าแข้งได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะสุดฮอตภายในเวลาไม่นาน โดยเฉพาะพวกผู้เล่นคนหนุ่ม หรือดาวรุ่งพุ่งแรง มีสิทธิ์ที่จะกลายสภาพจากแข้งธรรมดาๆ ไปเป็นยอดนักเตะ

สำหรับมหกรรมลูกหนังแห่งมวลมนุษยชาติ 2022 ที่ประเทศกาตาร์ จะมีดาวจรัสแสงดวงใหม่ขึ้นมาประดับวงการหรือไม่คงต้องรอดูกันต่อไป แต่ก่อนหน้านี้เกมเวิลด์ คัพ มี 5 นักเตะที่ไม่ค่อยโด่งดังมากนักแต่กลายเป็นดาวจรัสแสงในชั่วข้ามคืน

ฮาเมส โรดริเกซ - โคลอมเบีย -2014

ต้องบอกว่า ฮาเมส โรดริเกซ เป็นนักเตะที่โดดเด่นอย่างมากจากศึกฟุตบอลโลก 2014 โดยผลงานของเขากับ โคลอมเบีย ทำให้เจ้าตัวได้โอกาสย้ายไปเล่นกับ เรอัล มาดริด เลยทีเดียว 

โรดริเกซ สร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีซในแมตช์ที่นำประเทศบ้านเกิดปะทะกับ อุรุกวัย โดยเขาโชว์ลีลาการยิงประตูสุดงามหยดชดช้อย ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นประตูยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ด้วย ที่สำคัญมันยังเป็นหนึ่งในลูกยิงที่สวยที่สุดตลอดกาลในศึกฟุตบอลโลก

ฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นทำให้ โรดริเกซ มีโอกาสได้ย้ายจาก โมนาโก ไปค้าแข้งในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว แม้นักเตะจะไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามมากนักกับ "โลส บลังโกส" แต่เวิลด์ คัพถือว่าเปลี่ยนชีวิตของเขาอย่างแท้จริง

เดนิส เชอรีเชฟ - รัสเซีย - 2018

ตอนที่ รัสเซีย ลงเล่นเปิดสนามในศึกฟุตบอลโลก 2018 พวกเขาต้องปะทะกับซาอุดิอาระเบีย โดยแมตช์นั้นได้ทำให้นักเตะโนเนมอย่าง เดนิส เชอรีเชฟ กลายเป็นดาวจรัสแสงขึ้นมาทันที

เชอรีเชฟ ลงเล่นเป็นตัวสำรองพร้อมกับซัด 2 ประตูในแมตช์พบกับ "เศรษฐีน้ำมัน" จากนั้นก็ตะบันอีก 1 ประตูในเกมดวล อียิปต์ ตามด้วยตะบันตาข่าย โครเอเชีย ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย (แพ้ดวลจุดโทษ)

หลังจากที่ศึกเวิลด์ คัพ ฉบับหมีขาวรูดม่านปิดฉากลง เชอรีเชฟ กลายเป็นนักเตะเนื้อหอมทันที โดยในเวลานั้นนักเตะซึ่งไม่ค่อยได้รับโอกาสจาก เรอัล มาดริด ต้นสังกัดมากนัก ได้รับการทาบทามจากทีมชั้นนำในยุโรปมากมาย 

ไมเคิ่ล โอเว่น - อังกฤษ - 1998 

เมื่อเร็วๆ นี้ ไมเคิ่ล โอเว่น เคยออกมาแสดงความเห็นว่าหากย้อนไปตอนที่อายุ 19 หรือ 20 ปีซึ่งเป็นช่วยฟอร์มพีคสุดขีด เขาน่าจะมีค่าตัวประมาณ 100 ล้านปอนด์ (ราว 4,200 ล้านบาท) เลยทีเดียว ซึ่งบอกเลยว่าไม่เกินความจริง เพราะตอนนั้นเจ้าตัวโคตรเก่ง

ย้อนกลับไปในศึกฟุตบอลโลก 1998 ตอนนั้น โอเว่น อายุแค่ 18 ปี และเป็นที่รู้จักในฐานะดาวรุ่งพุ่งแรงจากสโมสรลิเวอร์พูล แต่ในระดับชาติเขายังเป็นเจ้าหนูไร้เดียงสาอยู่เลย

อย่างไรก็ตามฟอร์มของ โอเว่น ร้อนแรงจนยากที่กองหลังคู่แข่งจะรับมือได้ แถมในแมตช์ปะทะกับ อาร์เจนตินา เขายังโชว์ลีลากระชากลากเลื้อยเกือบครึ่งสนามหลบผู้เล่นทัพ "ฟ้าขาย" หลายคนก่อนตะบันประตู จนได้รับฉายาว่า "เบบี้โกล" หลังจากนั้น โอเว่น ก็กลายเป็นสุดยอดนักเตะที่โลกจับตามอง แต่น่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บเรื้อรัง ส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นทำให้เจ้าตัวไปไม่สุดในสังเวียนลูกหนัง 

ดีเอโก้ มาราโดน่า - อาร์เจนตินา - 1982

ช่วงที่ศึกเวิลด์ คัพ 1982 เปิดฉาก ซิโก้ ดาวเตะเลือดแซมบ้าได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลย์เมกเกอร์ที่เก่งที่สุดในโลก แต่ในขณะเดียวกันก็มีหนุ่มน้อยหัวฟูนาม ดีเอโก้ มาราโดน่า ก้าวขึ้นมาทาบรัศมี

"เสือเตี้ย" ติดทีมชาติอาร์เจนตินาโดยที่ไม่มีใครรู้จักด้วยซ้ำว่านักเตะคนนี้เป็นใคร แต่ก็มีข่าวลือหนาหูว่าเจ้าหนูจากโบคา จูเนียร์ เป็นผู้เล่นที่มีพรสวรรค์อย่างน่าเหลือเชื่อ และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ โดยเขาทำผลงานได้โดดเด่นจนทำให้สโมสรในยุโรปหมายตาอยากได้ตัวไปร่วมทัพ

หลังจากที่ฟุตบอลโลกจบ บาร์เซโลน่า ยอมควักกระเป๋าเป็นสถิติโลกคว้าตัว มาราโดน่า มาร่วมทัพ แต่หากจะพูดกันแบบแฟร์ๆ ความจริงแล้ว "เสือเตี้ย" กลายเป็นดาวจรัสแสงที่โลกไม่มีวันลืมจากการลงเล่นฟุตบอลโลก 1986 ซึ่งเขานำทัพ "ฟ้าขาว" คว้าแชมป์โลก พร้อมสร้างสิ่งมหัศจรรย์มากมายในทัวร์นาเมนต์ที่เม็กซิโก 

เปเล่ - บราซิล - 1958 

ต้องบอกว่าเส้นทางลูกหนังของ เปเล่ ก็คล้ายๆ กับ มาราโดน่า โดยตอนนั้น "ไข่มุกดำ" ติดทีมชาติบราซิล บุกดินแดนสวีเดน ปี 1958 ในฐานะนักเตะโนเนมหัวเกรียน

เปเล่ ไม่ได้ลงเล่นตัวจริงกับทัพ "เซเลเซา" ในเกมแรก โดยเจ้าหนูวัย 17 ปีต้องรอจนกระทั่งรอบก่อนรองชนะเลิศ ในเกมพบ เวลส์ ถึงจะมีชื่อตะบันประตูในศึกเวิลด์ คัพ 

หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมาฉุดหนุ่มน้อยเปเล่ได้อีกแล้ว เมื่อเขาซัดประตูนำ บราซิล ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ และซัดสองประตูช่วยให้บ้านเกิดคว่ำ สวีเดน คว้าแชมป์โลกสมัยแรกได้อย่างยิ่งใหญ่ 

ทั้งนี้ เปเล่ ยังสร้างชื่ออย่างต่อเนื่องเมื่อนำ บราซิล คว้าแชมป์โลกเพิ่มอีก 2 สมัย ทำให้ทัพ "แซมบ้า" ได้รับสิทธิครอบครองถ้วยจูลส์ ริเม่ต์ ไปอย่างถาวร 

ทอมเม้ง


ที่มาของภาพ : gettyimages.ae
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport