"ดร.ก้อง" แจงลิขสิทธิ์บอลโลกแบ่งจ่าย 2 งวด ก้อนแรกชำระ 600 ล้านบาท

"ดร.ก้อง" แจงลิขสิทธิ์บอลโลกแบ่งจ่าย 2 งวด ก้อนแรกชำระ 600 ล้านบาท
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย เผยจ่ายค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ไร้ปัญหา ฟีฟ่าให้แบ่งจ่ายเป็น 2 งวด โดยงวดแรกต้องจ่ายก่อนเริ่มแข่งขันนัดแรกคือ 20 พ.ย.65 เป็นเงิน 600 ล้านบาท จะใช้เงินที่ได้จาก กสทช. ขณะที่งวดที่ 2 ต้องจ่ายก่อนวันที่ 25 พ.ย.65 อีก 600 ล้านบาท จะเป็นเงินจากภาพเอกชน หากเอกชนจ่ายไม่ทันเล็งเงินจากภาครัฐส่วนอื่นสำรองก่อน ได้ดูข้อกฎหมายไว้แล้ว

ความคืบหน้าการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์  จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 20 พ.ย. -18 ธ.ค.65 ภายหลังการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) สามารถบรรลุข้อตกลงปิดดีลในการซื้อลิขสิทธิ์ได้เป็นที่เรียบร้อยเมื่อ 17 พ.ย.65 ด้วยวงเงิน 33 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,180 ล้านบาท โดยยังไม่รวมค่าภาษีและค่าดำเนินการต่างๆ เป็นตัวเลขที่ได้ลดลงจากราคา 38 ล้านเหรียญสหรัฐ ถึง 5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 170 ล้านบาท  

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 65 ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าว่า วันนี้ได้มีการประชุมคณะกรรมการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ  ได้รายงานความคืบหน้าของการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ที่เพิ่งจะบรรลุข้อตกลงกับ ฟีฟ่า ได้สำเร็จ ให้คณะกรรมการได้รับทราบ 

"ในการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ครั้งนี้คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร เงินที่ต้องจ่ายให้ทางฟีฟ่านั้น เป็นวงเงิน 1,200 ล้านบาท ซึ่งทาง ฟีฟ่า ให้แบ่งจ่ายเป็น 2 งวด คืองวดแรก ก่อนการแข่งขันนัดแรกจะเริ่มขึ้น ในวันที่ 20 พ.ย.65 วงเงิน 600 ล้านบาท ซึ่งจะใช้งบที่ได้จาก คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. จ่ายไปก่อน ขณะที่ งวดที่ 2 จะต้องจ่ายก่อนวันที่ 25 พ.ย.65 อีก 600 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นเงินจากภาคเอกชนที่เข้ามาร่วมสนับสนุน"

ผู้ว่าการ กกท. ยังกล่าวต่อไปว่า ในที่ประชุม บอร์ดกองทุนฯ ได้มีการหารือข้อกฎหมาย ในส่วนที่หากภาคเอกชนไม่สามารถจ่ายเงินได้ทันเวลา จะมีการดูทางเลือกอื่นๆ เช่นอาจจะมีการนำเงินจากภาครัฐส่วนอื่นๆ นำออกมาจ่ายก่อน แล้วเมื่อภาคเอกชนจ่ายมาครบก็จะนำไปคืน ซึ่งดูจากข้อกฎหมายแล้วสามารถทำได้ ไม่มีปัญหา มั่นใจว่าสามารถจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ให้ฟีฟ่าได้ครบทันเวลาอย่างแน่นอน


ที่มาของภาพ : siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport