หลังจากคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 2018 มาครองได้สำเร็จ ฝรั่งเศส ก็ตั้งเป้าที่จะเป็นทีมที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่ป้องกันแชมป์โลกให้ได้ ซึ่งจุดเริ่มต้นของพวกเขาไม่น่าเป็นห่วงอะไรมากนัก ส่วนอีกโควตา เดนมาร์ก ดูมีภาษีมากที่สุด
* ฝรั่งเศส
แน่นอน นี่ไม่ใช่ "เลส์ เบลอส์" ชุดเดียวกับที่ได้แชมป์มาครองเมื่อ 4 ปีก่อน เพราะนักเตะบางคนจากชุดนั้นมีปัญหาอาการบาดเจ็บจนทำให้ไม่ได้ติดทีมมาลุยที่ กาตาร์ อย่างเช่น ปอล ป็อกบา และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เป็นต้น ถึงกระนั้นขุมกำละงโดยรวมของพวกเขาก็ยังแข็งแกร่งเป็นลำดับต้นๆ ของทีมที่ได้ลงเล่นมหกรรมลูกหนังโลกหนนี้ และตามความน่าจะเป็นแล้วพวกเขาก็ควรจะครองตำแหน่งแชมป์กลุ่มได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
สตาร์ประจำทีม - คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้
ดาวเตะวัย 23 ปีได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะรุ่นใหม่ที่เก่งที่สุดของโลก และจะก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ของวงการลูกหนังแทนที่ ลิโอเนล เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ ซึ่งเขาก็คู่ควรกับตำแหน่งนั้นหลังจากตลอดเวลาที่ผ่านมาสามารถทำประตูให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ได้เยอะมาก ขณะที่เมื่อ 4 ปีก่อนเขาก็เป็นหนึ่งในรองดาวซัลโวสูงสุดของรายการด้วย จากการทำไป 4 ประตู
โอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ - 80 เปอร์เซนต์
* ออสเตรเลีย
เรียกได้ว่าต้องลุ้นจนถึงช่วงโค้งสุดท้ายกันเลยสำหรับขุนพลจากแดนจิงโจ้ หลังจากพวกเขาเอาตัวรอดจากรอบคัดเลือก โซนเอเชีย ได้อย่างหวุดหวิดด้วยการชนะ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในรอบเพลย์ออฟ 2-1 จนทำให้ได้ไปชิงตั๋วกับ เปรู ในรอบคัดเลือกแบบข้ามทวีป ก่อนที่พวกเขาจะเอาชนะอีกฝ่ายในช่วงดวลจุดโทษได้ นั่นหมายความว่า ออสเตรเลีย จำเป็นต้องยกระดับของพวกเขาให้ได้ หากหวังที่จะได้ไปต่อในรอบน็อกเอาต์
สตาร์ประจำทีม - แม็ทธิว ไรอัน
นายทวารกัปตันทีมของ ออสเตรเลีย ลงเฝ้าเสาให้กับบ้านเกิดมาแล้วถึง 75 นัด โดยเขาเป็นคนที่มีประสบการณ์ในเวทียุโรปมาอย่างโชกโชน ทั้งกับการเคยเล่นให้ บาเลนเซีย, ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน, อาร์เซน่อล, เรอัล โซเซียดาด ก่อนที่ปัจจุบันจะมาอยู่กับ โคเปนเฮเก้น คงต้องรอดูกันว่าเขาจะโชว์ฟอร์มเซฟได้มากน้อยแค่ไหน
โอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ - 30 เปอร์เซ็นต์
* เดนมาร์ก
ด้วยความที่ในรอบคัดเลือกไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่แข็งมากนัก ทำให้ขุนพลเลือดโคนมคว้าตำแหน่งแชมป์กลุ่ม เอฟ ในรอบคัดเลือกโซนยุโรปมาได้ ขณะที่ก่อนจะถึงรายการนี้ พวกเขาก็เล่นได้ยอดเยี่ยมในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก จนเก็บไปได้ถึง 12 คะแนนจากการลงเล่น 6 นัด และที่มันน่าสนใจมากกว่านั้นก็คือในรายการดังกล่าว เดนมาร์ก เอาชนะ ฝรั่งเศส เพื่อนร่วมกลุ่มในศึก ฟุตบอลโลก 2022 ได้ทั้ง 2 เกมด้วย
สตาร์ประจำทีม - คริสเตียน เอริคเซ่น
หลายคนคงไม่เชื่อว่าแข้งวัย 30 ปีจะมาถึงจุดนี้ได้เมื่อพิจารณาถึงการที่เขาเคยมีอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันระหว่างเกม ยูโร 2020 จนถึงขั้นสลบเหมือดคาสนาม โดยตอนนี้ชีวิตของ เอริคเซ่น กำลังสวยหรูสุดๆ เพราะฟอร์มโดยรวมของเขากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือว่าสวยหรู แถมล่าสุดยังทำประตูแรกกับ "ปีศาจแดง" ได้แล้วด้วย
โอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ - 70 เปอร์เซ็นต์
* ตูนิเซีย
นี่ถือเป็นครั้งที่ 6 ในประวัติศาสตร์ที่ทัพพญาอินทรีจะได้ร่วมทำศึก ฟุตบอลโลก โดย 5 หนก่อนหน้านี้นั้นพวกเขาต้องจอดป้ายที่รอบแบ่งกลุ่มทั้งหมด นั่นรวมถึง ฟุตบอลโลก เมื่อ 4 ปีที่แล้วด้วย พวกเขาจะทำลายคำสาปได้สักทีหรือไม่ ?
สตาร์ประจำทีม - วาห์บี้ คาซรี่
ดาวเตะวัย 31 ปี รับใช้ทีมชาติชุดใหญ่ของ ตูนิเซีย มาตั้งแต่ปี 2013 และเขาก็มีผลงานที่โดดเด่นพอตัวด้วยการทำได้ 24 ประตูจากการลงเล่นไป 71 นัด โดยในฤดูกาลปัจจุบันนั้นเขาก็ถือเป็นแกนหลักคนหนึ่งของ มงต์เปลลิเย่ร์ หลังจากได้ลงเล่นใน ลีก เอิง ไปแล้ว 11 เกม พร้อมทำได้ 2 ประตูกับ 1 แอสซิสต์
โอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ - 30 เปอร์เซ็นต์
โปรแกรมการแข่งขันทุกเกมของกลุ่ม ดี
วัน | เวลา | ทีมแข่งขัน | สนาม |
---|---|---|---|
วันอังคารที่ 22 พ.ย. | 20.00 | เดนมาร์ก - ตูนีเซีย | เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม, อัล รายยาน |
วันอังคารที่ 22 พ.ย. | 02.00 | ฝรั่งเศส - ออสเตรเลีย | อัล ยานู้บ สเตเดี้ยม, อัล วาค์ราห์ |
วันเสาร์ที่ 26 พ.ย. | 17.00 | ตูนีเซีย - ออสเตรเลีย | อัล ยานู้บ สเตเดี้ยม, อัล วาคราห์ |
วันเสาร์ที่ 26 พ.ย. | 23.00 | ฝรั่งเศส - เดนมาร์ก | สเตเดี้ยม 974, โดฮา |
วันพุธที่ 30 พ.ย. | 22.00 | ตูนีเซีย - ฝรั่งเศส | เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม, อัล รายยาน |
วันพุธที่ 30 พ.ย. | 22.00 | ออสเตรเลีย - เดนมาร์ก | อัล ยานู้บ สเตเดี้ยม, อัล วาคราห์ |