เหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนเศษเท่านั้น มหกรรมกีฬาแห่งชาวเอเชียอาคเนย์ อย่าง ซีเกมส์ ครั้งที่ 32 จะเริ่มขึ้น โดยครั้งนี้ กัมพูชาได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ถือเป็นโอกาสพิเศษอย่าง เพราะนี่กำลังจะเป็นกีฬาซีเกมส์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ถูกจัดขึ้น ณ ดินแดนนครวัด หนึ่งในแหล่งอารยะธรรมโบราณของโลก
ที่ผ่านมา นอกจากกัมพูชาจะไม่เคยจัดกีฬาซีเกมส์แล้ว พวกเขายังไม่เคยจัดมหกรรมกีฬารายการใดเลย ดังนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรก ที่ดินแดนแห่งนี้ จะได้แสดงศักยภาพจัดการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ระดับนานาชาติ
เชื่อว่าแฟนกีฬาจำนวนไม่น้อย คงรู้สึกสงสัยกันว่า เพราะเหตุใด ประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันออกของไทยแห่งนี้ ถึงไม่เคยจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์เลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยซีเกมส์จะให้แต่ละชาติสมาชิกวนกันเป็นเจ้าภาพ เรียงตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ ไม่ได้ให้แต่ละประเทศเสนอตัวขอจัดการแข่งขันแต่อย่างใด
คำตอบก็คือ ราวๆ 40-50 ปีก่อน ประเทศกัมพูชา ต้องเผชิญกับสงครามภายในประเทศ ตามมาด้วยเหตุการณ์ฆ่าล้างเผาพันธุ์ชาวเขมร จนมีพี่น้องชาวกัมพูชาต้องสังเวยชีวิตให้กับความโหดเหี้ยมอำมหิตของสงครามในครั้งนี้ราวๆ 1.5-2 ล้านคน
เมื่อสงครามสิ้นสุดแล้ว กว่าดินแดนนครวัดจะฟื้นตัวจากพิษไฟสงคราม ต้องใช้เวลาหลายสิบปีเลยทีเดียว หากจะพูดให้เห็นภาพก็คือ กัมพูชาเพิ่งลืมตาอ้าปากในด้านเศรษฐกิจ, สังคม, การเมือง และอื่นๆ รวมไปถึงด้านกีฬาด้วย เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง
การขอเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ตามวงรอบในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า พวกเขาพร้อมแล้ว ที่จะอวดให้ชาวโลกได้รู้ว่า ดินแดนแห่งนี้ มีศักยภาพที่ดีพอ ที่จะจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติได้
อีกทั้ง กัมพูชายังต้องการเปิดประเทศ ให้นักท่องเที่ยวจากทุกหนทุกแห่งบนโลกใบนี้ ได้เยือนมากขึ้นอีกด้วย โดยอาศัยการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์เป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ อันจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภายในประเทศอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม จากการที่เป็นเจ้าภาพมือใหม่ ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน จึงอดคิดไม่ได้ว่า พอถึงเวลาจัดการแข่งขันจริงๆขึ้นมาแล้ว ซีเกมส์ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 5-17 พ.ค.นี้ จะออกมาดีมากน้อยเพียงใด
ก่อนหน้านี้ ชาติมือใหม่อย่างบรูไน เคยเป็นเจ้าภาพจัดซีเกมส์หนแรกเมื่อปี 1999 (ซีเกมส์ครั้งที่ 20) แม้จะเป็นประเทศที่ร่ำรวย แต่จากการไม่มีประสบการณ์จัดมหกรรมกีฬานานาชาติมาก่อน จึงทำให้ซีเกมส์ครั้งดังกล่าว จัดการแข่งขันเพียง 21 ชนิดกีฬาเท่านั้น
ส่วนอีกครั้งที่ชาติมือใหม่เป็นเจ้าภาพ ก็คือซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ที่ประเทศลาวเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2009 โดยซีเกมส์ครั้งดังกล่าว ดินแดนลุ่มแม่น้ำโขงฝั่งซ้าย จัดการแข่งขันเพียง 25 ชนิดกีฬาเท่านั้น
จะเห็นได้ว่า ซีเกมส์ทั้งสองครั้งดังกล่าว ชาติมือใหม่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์จัดกีฬารายการใหญ่มาก่อน เลือกที่จะจัดการแข่งขันในชนิดกีฬาที่ไม่มากจนเกินไป เพื่อไม่อยากให้ซีเกมส์ที่ได้จัดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า ซึ่งมันจะกลายเป็นที่ไม่ดีไปยันชั่วลูกชั่วหลาน
หันกลับมาดูซีเกมส์ในครั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ปรากฏว่ากัมพูชา จัดถึง 36 ชนิดกีฬา ชิงชัยทั้งสิ้นกว่า 583 เหรียญทอง กล่าวได้ว่า ยิ่งจัดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น
อย่าลืมว่า ยิ่งจัดการแข่งขันมากชนิดกีฬา ก็ต้องยิ่งใช้งบประมาณจัดการแข่งขันเยอะขึ้น และประชากรเจ้าหน้าที่-นักกีฬา ที่ร่วมซีเกมส์คราวนี้ ก็จะต้องมีมากขึ้นตามไปด้วย โรงแรมที่พักที่จะรองรับผู้มาเยือนจาก 10 ชาติในอาเซียน จะมีจำนวนเพียงพอหรือไม่
นอกจากนี้ ระบบขนส่งนักกีฬา และการให้บริการต่างๆ จะมีมากพอที่จะรับมือกับกองทัพผู้มาเยือนเรือนหมื่น ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือเปล่า
การเป็นเจ้าภาพซีเกมส์หนนี้ของกัมพูชา นับเป็นเรื่องที่เดิมพันสูงมาก ถ้าจัดดีมีประสิทธิภาพ จนบรรดานักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากชาติอื่นเกิดความประทับใจ ก็จะได้รับคำชม และอาจส่งผลให้พวกเขา ต่อยอดไปสู่การจัดมหกรรมกีฬาในรายการที่ใหญ่ขึ้นต่อไปในภายภาคหน้า
แต่ถ้าเกิดล้มเหลวขึ้นมา ซีเกมส์ในครั้งนี้มีแต่เสียงก่นด่ามากกว่าคำชม เครดิตและชื่อเสียงของประเทศ ก็จะได้รับความเสียหายตามไปด้วย