กลายเป็นกระแสฮือฮาไม่น้อย เมื่อนาย ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรี ได้ไปปรากฏตัวที่ อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก เพื่อเชียร์ทีมวอลเลย์บอลสาวไทย ในการดวลกับ ตุรกี
แม้ที่สุดแล้ว สาวไทยจะไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของตุรกี ทีมอันดับ 6 โลกได้ โดยพ่ายไป 3 เซตรวด แต่พวกเธอ ก็ยังคงได้รับกำลังใจที่ดีจากแฟนๆ ลูกยางไทย รวมถึง "ทิม" พิธา ที่ได้ลงสนามไปพูดคุย และให้กำลังใจหลังจบแมตช์ด้วย
ทั้งนี้ นายพิธา ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังจบแมตช์ว่า สิ่งหนึ่งตนเองได้เรียนรู้จากนักกีฬาวอลเลย์บอลสาวไทย คือน้ำใจนักกีฬา และสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะตีได้หรือไม่ได้แต้ม ก็ไม่ยอมเสียขวัญ ยังคงสู้เสมอ
นายพิธา ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า เกมนี้เซ็ตสุดท้ายทีมชาติไทยทำได้ดีขึ้น ทำแต้มได้มากขึ้น แต่ต้องยอมรีบว่าตุรกีเขาเล่นได้ดีจริงๆ และพลังเขาเยอะกว่าเรา ต้องชื่นชมไปถึงโค้ช และนักกีฬาทีมชาติไทยทุกคนที่ในเซ็ตที่สามพยายามเร่งจังหวะทำแต้มได้มากขึ้น
“วันนี้อยากจะมาช่วยให้กำลังใจทีมชาติไทย เพราะเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ทางนักกีฬาไทยก็อยากจะให้มาเชียร์ในอีก 2 เกมที่เหลือด้วย สิ่งที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากพวกเขาคือเรื่องของน้ำใจนักกีฬา และเรื่องของสภาพจิตใจ ถ้าทุกคนดู ไม่ว่าเขาจะดีได้หรือไม่ได้พวกเขาไม่เคยเสียขวัญและกำลังใจ บางทีมในเกมมันอาจจะมีเท็คนิกที่ทำให้ชนะหรือแพ้ได้ แต่ถ้าใจคุณเสียเมื่อไหร่ เราจะไม่สามารถชนะได้ นี่คือสิ่งที่ได้เรียนรู้จากพวกเขา”
“แน่นอนว่ากีฬามีความสำคัญไปถึงเรื่องของสังคมกับเศรษฐกิจด้วย และเป็นเรื่องสภาพจิตใจ ความหวังของคนในชาติ ถ้าได้เป็นรัฐบาลเมื่อไรก็อยากจะสนับสนุนให้ได้มากกว่านี้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การกีฬา ไปจนถึงเรื่องรัฐสวัสดิการของกีฬา ”
“เวลาที่ได้ลงพื้นที่ไปดูโรงเรียนกีฬาจะเห็นความไม่ค่อยพร้อม วิทยาศาสตร์การกีฬา, อาหาร, การนวด, การแช่น้ำร้อน-น้ำเย็น เป็นสิ่งที่ยังต่างกันเยอะกับประเทศอื่นพอสมควร หากได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีจะมีส่วนช่วยให้การกีฬาของประเทศไทยกลับไปเป็นเบอร์ 1 ของอาเซียนได้หรือไม่ เพราะจากผลงานปัจจุบันเราไม่ได้เป็นเจ้าเหรียญทองซีเกมส์อย่างที่เคยเป็น”
“เราต้องกลับมาเป็นที่หนึ่งให้ได้ เพราะตอนผมเป็นเด็ก นักกีฬาของไทยเราเป็นแชมป์อาเซียนมาโดยตลอด ผมจะพยายามเอาความฝันแบบนั้นกลับมาให้ได้”
นอกจากนี้ พิธายังกล่าวถึงนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติไทยว่า “สิ่งที่ผมเรียนรู้จากพวกเธอได้ก็คือ เรื่องของน้ำใจนักกีฬา และเรื่องของสภาพจิตใจ ถ้าทุกคนได้ชมการแข่งจะเห็นว่าต่อให้พวกเธอจะตีได้หรือไม่ได้ เขาไม่เคยเสียขวัญกำลังใจ บางทีเกมก็มีเทคนิคที่ทำให้คุณชนะได้หรือแพ้ได้ แต่ถ้าใจคุณเสียเมื่อไร เทคนิคอะไรก็ใช้ไม่ได้ทั้งนั้น อันนี้แหละคือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากพวกเขา”
โดยทีมชาติไทย มีโปรแกรมสำคัญนัดถัดไปที่ต้องปะทะ ญี่ปุ่น ในวันเสาร์ที่ 1 ก.ค.นี้ ช่อง 7HD ยิงสด 20.30 น.