"บิ๊กเอ" ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานโอลิมปิคไทย ชี้แจง ไอโอซี ไม่มีข้อกังขา ประเด็นการเลือกตั้งประธานโอลิมปิคไทย แม้หลังการเลือกตั้ง จะมีการร้องเรียนเรื่องกระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งตนได้ทำหนังสือชี้แจงและไอโอซีได้ตอบรับว่าเข้าใจในบริบทและสถานการณ์ตามธรรมนูญเลือกตั้งของไทย พร้อมขอให้มุ่งมั่นเดินหน้าทำงานเพื่อวงการกีฬาไทย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา "บิ๊กเอ" ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ได้แถลงข่าวเปิดใจ เพื่อชี้แจงกรณีที่มีกลุ่มบุคคลร้องเรียนยังคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ว่าการเลือกตั้งประธานโอลิมปิคไทยครั้งนี้ไม่โปร่งใส
"บิ๊กเอ" ระบุว่า ก่อนอื่นต้องอย่าพูดว่ารับรอง เพราะความเป็นจริงแล้วไม่ได้มีการรับรองแบบเป็นทางการ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมนูญของโอลิมปิคไทยคือว่าเมื่อเลือกตั้งเสร็จคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ เริ่มการทำงานทันที นั่นคือตามธรรมนูญของเรา อย่างไรก็ตาม เมื่อมีข้อกังขา มีข้อร้องเรียนว่าการเลือกตั้งถูกต้องมั้ย เป็นธรรมมั้ย ทุกคนที่เกี่ยวข้องก็มีสิทธิร้องเรียน ซึ่งก็เกิดขึ้น และเมื่อร้องเรียนมา เราได้ทำจดหมายอธิบายความไปยังไอโอซีว่าเกิดอะไรขึ้นในวันเลือกตั้ง และวันนี้อย่างน้อยทางผู้บริหารไอโอซีก็ได้ทำจดหมายมาแล้ว เขาบอกว่าเข้าใจแล้วที่ทางเราได้เคลียร์มา เขาเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงการเลือกตั้งประธานโอลิมปิคไทย
ประธานโอลิมปิคไทย กล่าวต่อว่า เขาพูดชัดเจนว่าที่เกี่ยวกับนักกีฬาทั้ง 2 คน จะเป็นคนเก่าคนใหม่นั้น ไม่ได้มีผลต่อการเลือกตั้ง และสุดท้ายไอโอซีพูดชัดเจนในอีเมล์ที่ส่งมาว่า "ลุค ฟอร์ เวิร์ด" หรือมองไปข้างหน้า พร้อมที่จะทำงานกับโอลิมปิคไทยอย่างใกล้ชิด เพราะฉะนั้นตรงนี้มันบอกในตัวของมันแล้วว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จึงอยากให้ทราบตรงนี้ว่าผู้ที่กังขาจะได้ไม่ต้องมีข้อกังขาอีกต่อไป และทุกอย่างน่าจะเรียบร้อย
ผศ.พิมล ชี้แจงต่อว่า หลังจากการประชุมวันนั้น เราก็ได้มีการแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆครบหมดแล้ว และพร้อมเดินหน้าทำงานกันต่อไป โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ครั้งแรกในวันที่ 23 เม.ย.นี้ ส่วนนโยบายแรกที่จะต้องทำหลังการประชุมร่วมกันแล้วก็อยากจะทำจดหมายมาหารือกับท่านสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพราะอย่างที่เคยเรียนไป เรื่องแรกคือการดูเรื่องเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา เพราะได้พูดไปหลายครั้งแล้วว่าค่าอาหารกับเบี้ยเลี้ยง 600+300 บาท ไม่ได้ขึ้นมา 15-16 ปีแล้ว ก็อยากมาหารือและขอให้ท่านรัฐมนตรีช่วยพิจารณาปรับตรงนี้ เพื่อความเป็นธรรมต่อนักกีฬา แน่นอนว่าในเรื่องของเงินรางวัลซีเกมส์ ก็เคยพูดไว้ในนโยบาย ก็อยากให้ขึ้นในสัดส่วนที่เหมาะสม เมื่อเทียบกับเงินรางวัลของกีฬาเอเชียนเกมส์
"เบื้องต้นได้หารือด้วยวาจากับรัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา ไปบ้างแล้ว แต่จะทำเอกสารอย่างเป็นทางการ เพราะตอนหารือกันนั้น ยังไม่ได้รับตำแหน่งประธานโอลิมปิคไทย อย่างเป็นทางการ ซึ่งก็น่าจะได้รับผลดีกลับมา เพราะมันไม่ได้เป็นแค่เรื่องของเงินที่จะได้เยอะขึ้น แต่ว่าเป็นเรื่องของความชอบธรรมต่อตัวนักกีฬาเป็นสำคัญ" ประธานโอลิมปิคไทย กล่าวทิ้งท้าย