กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ เปิดระบบบริหารกิจการลูกเสือและโปรแกรมการฝึกอบรมลูกเสือในสถานศึกษาแบบใหม่ ให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น พร้อมช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายครู ผู้ปกครอง และนักเรียน
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 ต.ค. 2567 ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารราชวัลลภ ภายในกระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ ได้เป็นประธานในพิธีเปิดระบบบริหารกิจการลูกเสือและโปรแกรมการฝึกอบรมลูกเสือในสถานศึกษาแบบใหม่
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เผยว่า จากการที่ตนเองเคยมอบนโยบาย "เรียนดี มีความสุข" การศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ และการศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต โดยการ "ลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา" "ลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง" นั้นสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ จึงได้ดำเนินนโยบาย "ลูกเสือทันสมัย Transform" "ทำดี ทำได้ ทำทันที" โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเรียนรู้และลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน เพื่อการให้บริการและการปฏิบัติงาน "ถูกต้อง รวดเร็ว ประโยชน์ ประหยัด" ทั้งในส่วนกลางสำนักงานลูกเสือจังหวัด สำนักงานลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษา รวมทั้งผู้บังคับบัญชาลูกเสือ บุคลากรทางการลูกเสือ ที่จะได้รับการบริการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้จัดทำโปรแกรมการฝึกอบรมลูกเสือในสถานศึกษา เพื่อเพิ่มพูนทักษะให้ลูกเสือสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยนำไปบูรณาการในวิชาหรือกิจกรรมต่างๆที่จัดขึ้นในสถานศึกษาได้
พล.ต.อ.เพิ่มพูน เผยอีกว่า ระบบบริหารกิจการลูกเสือในเบื้องต้น ได้ดำเนินการเปิดให้บริการ 4 ระบบ ได้แก่ 1.ระบบขอจัดตั้งกลุ่มหรือกองลูกเสือ ให้บริการแก่สถานศึกษาที่ประสงค์ขอตั้งกลุ่มหรือกองลูกเสือ 2.ระบบขอมีตำแหน่งทางลูกเสือ ให้บริการแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ และบุคลากรทางการลูกเสือที่ประสงค์ขอมีตำแหน่งทางลูกเสือ ทั้งประเภทผู้บังคับบัญชาลูกเสือ และประเภทผู้ตรวจการลูกเสือ 3.ระบบขอมีคุณวุฒิทางลูกเสือ ให้บริการแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ และบุคลากรทางการลูกเสือที่ประสงค์ ขอมีคุณวุฒิทางการลูกเสือ ตั้งแต่ 2 ท่อน (W.B.) ถึง 4 ท่อน (L.T.) และ 4.ระบบขอเปิดการฝึกอบรม ให้บริการแก่สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ สำนักงานลูกเสือจังหวัด สำนักงาน ลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา ที่ประสงค์ขอเปิดการฝึกอบรมบุคลากรทางการลูกเสือในหลักสูตรต่าง เช่น B.T.C. / AT.C./ A.L.T.C. / L.T.C. / การบันเทิงในกองลูกเสือ ระเบียบแถวลูกเสือ เป็นต้น
ทั้ง 4 ระบบนี้ จะทำให้ลดระยะเวลา รวมถึงลดภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและลดขั้นตอนในการดำเนินงานของครูและบุคลากรทางการศึกษา ตอบสนองนโยบายอย่างแท้จริง จึงขอเชิญชวนสถานศึกษาได้นำโปรแกรมการฝึกอบรม ที่ได้มีการพัฒนาขึ้นเพื่อเสริมทักษะให้แก่ลูกเสือ ซึ่งตอบสนองการพัฒนาเด็กและเยาวชนโดยกระบวนการลูกเสือที่สอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน ที่ความเหมาะสมกับลูกเสือแต่ละประเภท เช่นลูกเสือสำรอง ฝึกอบรมเรือง การเป็นผู้นำ ผู้ตาม, การออม, Codding, การป้องกันภัยจากไฟฟ้า,ภัยจากการจมน้ำ, ภัยจากการติดอยู่ในรถ และมารยาทไทย เป็นต้น ลูกเสือสามัญ ฝึกอบรมเรื่อง E-sport, Codding, ภัยจากคนแปลกหน้า, ภัยไซเบอร์ และความรักชาติ เป็นต้น ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ฝึกอบรมเรื่อง SMART scout, การกู้ชีพฉุกเฉิน, Save Bullying, ภัยจากบุหรี่ไฟฟ้า, ภัยคุกคามทางเพศ, สถาบันหลักของชาติ เป็นต้น และลูกเสือวิสามัญ ฝึกอบรมเรื่องการเงินดิจิทัล, การลงทุนดิจิทัล, ภัยจากการยุยง ปลุกปั่น, ภูมิปัญญา ท้องถิ่น, การช่วยเหลือชุมชน เป็นต้น
"ในอนาคตข้างหน้าจะมีการเพิ่มโปรแกรมฝึกอบรมให้มากขึ้น โดยสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ อยู่ระหว่างการจัดทำหลักสูตรลูกเสือและวิชาพิเศษใหม่ ซึ่งจะเชิญผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและเครือข่ายความร่วมมือต่าง ๆ มาพัฒนาโปรแกรมร่วมกันต่อไป ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ระบบบริหารกิจการลูกเสือ และโปรแกรมการฝึกอบรมลูกเสือในสถานศึกษาจะถูกนำไปใช้งานอย่างกว้างขวาง ตอบสนองต่อนโยบาย "เรียนดี มีความสุข" ลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษาลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง ลูกเสือสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime) ด้วยการปฏิบัติงานที่ถูกต้อง รวดเร็ว ประโยชน์ ประหยัด"