"บิ๊กต้อม" หวังไทยกู้ชื่อจัดกีฬาผ่านศึกซีเกมส์​ 2025 เชื่อยกน้ำหนักมีแข่งขัน

"บิ๊กต้อม" ธนา ไชยประสิทธิ์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ออกมาเปิดเผยว่า จากกรณีที่ สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย หรือ โอซีเอ ยกเลิกการทำหน้าที่เจ้าภาพกีฬาเอเชียนอินดอร์แอนด์มาเชียลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 ของไทย ในช่วงเดือนพ.ย.นี้ ตนมองว่าในการเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในช่วงปลายปี 2025 ก็มองว่าเราน่าจะทุ่มเทให้กับการจัดแข่งขันรายการดังกล่าว โดยงบประมาณที่ไม่ได้ใช้ หรือเหลืออยู่จากศึกอินดอร์เกมส์ น่าจะได้นำมาใช้ในการเตรียมซีเกมส์ 2025 ต่อไป และเพื่อไม่เสียชื่อเสียงประเทศไทย เราจำเป็นต้องทำหน้าที่ให้ดีเพิ่มมากกว่าขึ้นกว่าทุกๆครั้ง

ผู้สื่อข่าวได้ถามต่อไปว่า ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 มีหลายสมาคมกีฬาได้เรียกร้องให้พิจารณาบรรจุแข่งขันในศึกซีเกมส์ 2025 ด้วย อย่าง ยกน้ำหนัก ซึ่งเป็นกีฬาสากล มีบรรจุในโอลิมปิก และมีนักกีฬาไทย รวมถึงชาติในอาเซียนไปคว้าเหรียญโอลิมปิกปารีสมาก็เรียกร้องให้มีการบรรจุด้วย หลังหลุดโผในการประกาศชนิดกีฬารอบแรก เกี่ยวกับประเด็นนี้ มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง นายธนา เปิดเผยว่า เกี่ยวกับกรณีนี้จะมีหารือเพิ่มเติม โดยจะมีการประชุมมนตรีซีเกมส์อีกครั้งในเดือนก.ย.นี้ ซึ่งก็จะเปิดโอกาสให้กีฬาที่ไม่ได้ถูกบรรจุในเบื้องต้นได้เสนอตัวอีกรอบหนึ่ง และตนก็มองว่ากีฬาสากลที่อยู่ในโอลิมปิกเกมส์ และไม่ได้ถูกบรรจุในเบื้องต้น น่าจะมีการเสนอชื่อบรรจุในการประชุมรอบต่อไป และก็น่าจะได้รับความเห็นชอบให้มีจัด

"บิ๊กต้อม" ยังเผยอีกว่า โอลิมปิกเกมส์ครั้งที่ผ่านมา เราได้ประสบการณ์และบทเรียนต่างๆมากมาย และในอีก 4 ปีข้างหน้า ปี 2028 ที่สหรัฐอเมริกา ก็ต้องเริ่มวางแผนกันได้แล้ว ในการที่จะส่งนักกีฬาควอลิฟายไปหลายๆกีฬา ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องมีการหารือร่วมกันระหว่าง คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย กับ การกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬา ในการวางแผนส่งแข่งขัน และเตรียมเรื่องงบประมาณ เพราะในช่วงปีหน้า หรือต่อไปการเก็บคะแนนควอลิฟายในหลายๆชนิดกีฬา ก็จะเริ่มขึ้นแล้ว เพื่อให้นักกีฬาของเราคว้าโควตารอบสุดท้ายเพิ่มมากขึ้น และพยายามคว้าเหรียญทองให้เพิ่มมากขึ้นกว่า 1 เหรียญทอง

ทั้งนี้ สหพันธ์ซีเกมส์ ได้จัดประชุมเพื่อพิจารณาถึงชนิดกีฬาที่จะบรรจุในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ซึ่งจะมีขึ้น 9-20 ธ.ค. 2568 (2025) ไปเมื่อกลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา เบื้องต้นบรรจุ 40 ชนิดกีฬา โดยกลุ่มกีฬาหลัก คือ กรีฑา และ ว่ายน้ำ (ว่ายน้ำ, กระโดดน้ำ, โปโลน้ำ, ระบำใต้น้ำ, ว่ายน้ำมาราธอน)

กลุ่ม 2 โอลิมปิก - เอเชียนเกมส์ สปอร์ต ประกอบด้วย กีฬาจากโอลิมปิก ยิงธนู, แบดมินตัน, บาสเกตบอล (5x5, 3x3), เรือพาย, เรือแคนู, จักรยาน, ฟันดาบ, ฟุตบอล (ชาย, หญิง), กอล์ฟ, ยิมนาสติก, แฮนด์บอล, ฮอกกี้, ฮอกกี้น้ำแข็ง, ยูโด, ยิงปืน, เทเบิลเทนนิส, เทควันโด, เทนนิส, ไตรกีฬา, วอลเลย์บอล, มวยปล้ำ, สเก็ตน้ำแข็ง, ปัญจกีฬาสมัยใหม่, เบสบอล (ชาย) - ซอฟท์บอล (หญิง), มวยสากลสมัครเล่น, ขี่ม้า-ขี่ม้าโปโล, รักบี้ 7 คน, เรือใบ ส่วนชนิดกีฬาจากเอเชียนเกมส์ (รวมถึงกีฬาในเอเชียน อินดอร์เกมส์ - เอเชียน มาร์เชียล อาร์ตเกมส์) ฟุตซอล, มวย(มวยไทย), ปันจักสีลัต, เปตอง, เซปักตะกร้อ, บิลเลียดและสนุกเกอร์, อีสปอร์ต

กลุ่มที่ 3 (บรรจุได้สูงสุด 4 กีฬา-ไม่เกิน 8 เหรียญทอง) ได้แก่ ฟลอร์บอล, คิกบ็อกซิ่ง, เทคบอล, เน็ตบอล ขณะที่ กีฬาที่จัดแสดงในการแข่งขันจะมี ชักเย่อ และ จานร่อน