"ดร.ก้องศักด" เผย 19 ส.ค.ได้ข้อสรุปอินดอร์เกมส์ จัดต่อหรือยกเลิก

"ดร.ก้องศักด" เผย 19 ส.ค.ได้ข้อสรุปอินดอร์เกมส์ จัดต่อหรือยกเลิก
"บิ๊กก้อง" ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. เผยวันที่ 19 ส.ค.นี้จะได้ข้อสรุปว่าไทยจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 หรือไม่ หลังเลื่อนการจัดการแข่งขันมาแล้ว 3 ครั้ง จนถึงกำหนดการล่าสุดคือระหว่างวันที่ 21-30 พ.ย.นี้

ความคืบหน้าเรื่องของการที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยเลื่อนการจัดการแข่งขันมาแล้ว 3 ครั้งจนถึงกำหนดการล่าสุดจะจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 21-30 พ.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวทั้งการที่สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) มีหนังสือตัด 14 ชนิดกีฬาออกเพื่อลดงบประมาณจัดการแข่งขัน รวมถึงมีเส้นตายให้ประเทศไทยยืนยันว่าจะจัดการแข่งขันภายในวันที่ 19 ส.ค.นี้นั้นล่าสุด "บิ๊กก้อง" ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า ทางนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ในวันที่ 19 ส.ค.นี้ เพื่อนำเสนอแผนงานและงบประมาณที่จะใช้ แนวทางที่นายเสริมศักดิ์ ให้ไว้คือต้องลดงบประมาณให้ได้มากที่สุด

"การเสนอแผนงานนั้นหมายความว่าเรายังคงเดินหน้าจัดการแข่งขัน กกท. ไม่เคยหยุดทำงาน มีการเตรียมพร้อมตลอด เหลือแค่การปลดล็อกเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้งานเดินหน้าต่อไปได้ แล้วจัดสรรงบประมาณ ส่วนหนึ่งมาจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ถ้าไม่พอก็ต้องของบกลางจากรัฐบาลต่อไป" ดร.ก้องศักด กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อมีการดำเนินการตลอดทำไมมีข่าวออกมาว่าไทยจะไม่จัดการแข่งขันนั้น ดร.ก้องศักด กล่าวว่า อาจจะเพราะการติดภารกิจต่างๆ ทำให้มีการเลื่อนประชุมบ้าง จึงมีกระแสเช่นนั้น แต่ในส่วนของการลด 14 ชนิดกีฬา กกท.ขอยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือกำหนด เป็นการหารือของคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับโอซีเอ ก่อนที่โอซีเอจะเป็นคนส่งหนังสือแจ้งลดจำนวนกีฬา ซึ่งกกท.ก็แค่ทำแผนรองรับว่า ถ้าลดชนิดกีฬาแล้วงบจะลดลงไปแค่ไหน แต่ถ้าโอลิมปิคไทยฯ ต้องการให้จัดครบ 38 ชนิดกีฬา กกท.ก็มีหน้าที่ปฏิบัติตาม เพื่อให้นักกีฬาไทยได้มีโอกาสแข่งขัน เพราะเดิมทีเราคัดค้านการลดชนิดกีฬาที่ไม่มีในเอเชียนเกมส์หรือโอลิมปิกเกมส์ เพราะจะทำให้นักกีฬาเสียโอกาสแข่งขัน ดังนั้น 14 ชนิดกีฬาที่ถูกตัดไปก็ยังมีโอกาสกลับมาจัดได้ ส่วนเรื่องงบประมาณก็ต้องปรับลดลงมาให้ได้มากที่สุดเท่านั้นเอง

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าสถานการณ์ทางการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีจะมีผลต่อการเตรียมงานหรือไม่นั้น ผู้ว่าการกกท. กล่าวว่า ไม่น่ามีผลเพราะนี่คือเรื่องต่อเนื่องที่ดำเนินการมาก่อนแล้ว ก็แค่แจ้งข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดการแข่งขันต่อไปได้ ในแง่ของกีฬาเราจะต้องเดินหน้าเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ต้องผลักดันทำให้สำเร็จให้ได้ เราไม่เคยมีแนวคิดที่จะไม่จัดแต่อย่างใด ส่วนเวลาที่เหลือแค่ 3 เดือน มันกระชั้นมากก็ต้องเดินหน้าลุย ให้วันที่ 19 สิงหาคมนี้แผนงานผ่าน ก็เดินหน้าลุยได้ทันที

"ในวันที่ 19 สิงหาคม มีโอกาสออกได้ทุกหน้าทั้งจัดหรือไม่ได้จัด เราจะต้องพยายามเต็มที่ อย่างไรก็ตามอาจจะมีปัญหาเรื่องหนังสือสัญญาต่างๆ ที่จะต้องมีขั้นตอนตามกฎหมาย อาจจะเร่งให้เร็วไม่ได้ ก็ต้องอธิบายให้ทางโอซีเอเข้าใจด้วย" บิ๊กก้อง กล่าว

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าผลสรุปถ้าหากไทยไม่ได้จัดการแข่งขันจะมีผลกระทบอะไรบ้างนั้น ดร.ก้องศักด กล่าวว่า อันดับแรกจะต้องชดใช้สัญญาต่างๆ ที่มีการเซ็นล่วงหน้าไปแล้ว ก็ต้องประเมินมูลค่าอีกครั้ง ต่อมาคือโอกาสของนักกีฬาที่จะอดเข้าร่วมแข่งขันหรือได้รับเงินรางวัลต่างๆ และสุดท้ายคือชื่อเสียงที่จะเสียไป แต่เราก็ต้องอธิบายออกมา

"เรื่องการโดนแบนเข้าร่วมกีฬาต่างๆ ไม่มีในเงื่อนไข ซีเกมส์เป็นหน้าที่ของมนตรีซีเกมส์ซึ่งไม่เกี่ยวกัน ส่วนเอเชี่ยนเกมส์เป็นของโอซีเอก็จริง แต่ที่ผ่านมาหลายๆ ประเทศยกเลิกการเป็นเจ้าภาพ ก็ไม่เคยโดนแบนแต่อย่างใด" ผู้ว่าการกกท. กล่าวปิดท้าย


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport