แม้เกมการหวดลูกพลาสติก จะสนุกและเร้าใจ จนเป็นที่ชื่นชอบของแฟนกีฬาชาวไทยหลายๆคน โดยเฉพาะลีลาการเทคตัวตีลังกาฟาดหน้าตาข่าย มันช่างถูกใจผู้ชมดีนักแล
ทว่าจนแล้วจนรอด เซปักตะกร้อก็ยังไม่สามารถถูกผลักดันเข้าสู่มหกรรมกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างโอลิมปิกเกมส์เสียที
ย้อนกลับไปราวๆ 34 ปีก่อน กีฬาชนิดนี้ที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ถูกบรรจุเข้าแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์เป็นครั้งแรก ในเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 11 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อปี 1990 โดยประเทศไทยเป็นชาติหลักที่ผลักดันเข้าไป
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป 3 ทศวรรษเศษๆ มันก็ยังอยู่ที่เดิม เอเชียนเกมส์ยังคงเป็นมหกรรมกีฬาใหญ่สุดของกีฬาหวดลูกพลาสติก โอกาสเข้าสู่โอลิมปิก แทบไม่มีวี่แวว
เหตุผลก็เพราะว่าตะกร้อ ไม่ได้เป็นกีฬาที่นิยมเล่นกันมากนักในทวีปอื่น เอาแค่ในเอเชียก็นิยมเล่นกันเพียงไม่กี่ชาติ
หลักๆก็เล่นกันแค่ในอาเซียน อาทิ ไทย, มาเลเซีย, เมียนมา, อินโดนีเซีย และ เวียดนาม หากเป็นระดับเอเชีย ก็มีแค่เกาหลีใต้ที่จริงจังพัฒนานักกีฬามากกว่าใครเพื่อน
ส่วนจีนที่เคยคิดเอาดีกับการพัฒนานักกีฬาตะกร้ออยู่ช่วงหนึ่ง ก็ถอนสมอไปแล้ว เพราะไม่รู้จะผลิตนักกีฬาชนิดนี้แบบจริงจังไปทำไม เพราะนอกจากจะไม่ใช่กีฬาที่มีชิงชัยในโอลิมปิกเกมส์แล้ว ยังไม่ใช่กีฬาที่ชิงเงินรางวัลมหาศาลอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลแดนมังกร จึงเบนเข็มทิศ นำงบไปพัฒนานักกีฬาประเภทอื่นที่มีชิงชัยในโอลิมปิก หรือเป็นชนิดกีฬาที่มีการชิงเงินรางวัลก้อนโตดีกว่า
เหตุผลที่เอ่ยมา คืออุปสรรคสำคัญ ต่อการผลักดันกีฬาตะกร้อ ไปสู่โอลิมปิกเกมส์ ตราบใดที่ยังมีจำนวนชาติเล่นกันน้อย คงไม่มีทางเข้าไปชิงชัยในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติได้แน่
ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ อีกไม่นาน ตะกร้ออาจหลุดจากเอเชียนเกมส์ แล้วจะถูกลดสถานะให้ลงมาชิงชัยในกีฬาเอเชียนอินดอร์แอนด์มาร์เชียลอาร์ทเกมส์แทน เหมื่อนดั่งที่เคยเกิดขึ้นกับคิวสปอร์ต(สนุกเกอร์,บิลเลียด,พูล และ แครอมบอล)มาแล้ว
นับเป็นสัญญาณอันตรายที่คนรักแฟนกีฬาหวดลูกหวาย คงไม่อยากให้เกิดขึ้น
สิ่งสำคัญที่ควรเร่งทำในตอนนี้ก็คือ ทำอย่างไรให้ตะกร้อ กลายเป็นกีฬาที่นิยมเล่นกันทั่วโลก ไม่ใช่กระจุกอยู่แค่ในอาเซียนและเอเชียเพียงไม่กี่ชาติ
อันที่จริง ชาวฝรั่งมังค่าจำนวนไม่น้อย ต่างชื่นชอบลีลาการเทคตัวขึ้นฟาดของนักเตะตะกร้อไทย เพราะมันช่างสวยงามและรุนแรง
และในปัจจุบัน การเหาะเหินตีลังกาฟาดดังกล่าว ได้ไปสร้างความฮือฮาในกีฬาเทคบอล ดูได้จากยอดวิวทางยูทูบ คลิปที่นักกีฬาไทย กระโดดตีลังกาเตะกลับหลัง บนสังเวียนโต๊ะโค้ง มักจะมียอดวิวพุ่งกระฉูดเหนือกว่าคลิปอื่น
ในคอมเมนต์ มีชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อย ที่แสดงความเห็นว่า การฟาดของนักกีฬาไทย ได้สร้างสีสันให้กับเทคบอลน่าดูยิ่งขึ้นหลายเท่าตัว
จึงกลายเป็นว่า การฟาดตะกร้อ พอนำมาประยุกต์ใช้เล่นในเกมเทคบอล ได้ช่วยเพิ่มมูลค่าให้เทคบอล ให้กลายเป็นกีฬาที่ดูสนุกขึ้นตามไปด้วย จนหลายชาติทั้งในยุโรปและอเมริกา เริ่มจะให้นักกีฬาของตัวเอง ฝึกทักษะการฟาดแล้ว เพราะมันไม่ได้แค่สวยงามเท่านั้น แต่ยังหนักหน่วง ทรงประสิทธิภาพด้วย
ทำให้ย้อนกลับมาคิดว่า ในเมื่อชาวต่างชาติหลงเสน่ห์การฟาด ทำไมเราไม่ใช้การตีลังกาฟาด เป็นซอฟพาวเวอร์ ในการเผยแพร่ตะกร้อ ให้เป็นกีฬายอดนิยมมากยิ่งขึ้น
หากบรรดาฝรั่งตาน้ำข้าว เทคตัวตีลังกาฟาดเป็น เขาอาจหลงใหลและนิยมเล่นตะกร้อมากขึ้นตามไปด้วย
ถ้าหลายชาติในยุโรป หรือในอเมริกา นิยมเล่นตะกร้อกันมากขึ้นแล้วล่ะก็ ประเทศเหล่านี้ จะมีศักยภาพมากพอในการจัดแข่งขันตะกร้อชิงเงินรางวัลมหาศาล จำนวนหลายทัวร์นาเมนต์ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักหวดลูกพลาสติกไทย มีเวทีให้ชิงเงินรางวัลมากขึ้น
อีกทั้งหลายประเทศ ก็จะจ้างโค้ชไทยให้ไปฝึกนักกีฬาของพวกเขามากขึ้นอีกต่างหาก ส่งผลให้ผู้ฝึกสอนตะกร้อชาวไทย จะมีงานรองรับและมีรายได้เพิ่มกว่าเดิม
เมื่อหลายๆชาตินิยมเล่นกัน โอกาสเข้าสู่โอลิมปิก คงไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป
สิ่งสำคัญในตอนนี้ก็คือ เราต้องรีบเริ่มต้น ร่วมด้วยช่วยกัน ในการผลักดันการฟาดให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อหนุนตะกร้อ ให้เป็นกีฬายอดนิยมโดยเร็วที่สุด ก่อนที่มันจะสายเกินไป