โหวตเอกฉันท์ ! "ภาณุ อุทัยรัตน์" นั่งนายกสมาคมปันจักสีลัตสมัย 3

นายภาณุ อุทัยรัตน์ นายกสมาคมกีฬาปันจักสีลัตแห่งประเทศไทย เป็นประธานในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ของสมาคมกีฬาปันจักสีลัตแห่งประเทศไทย ที่โรงแรมบ้านไทยบูทีค รามคำแหง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา

วาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้ คือการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาปันจักสีลัตแห่งประเทศไทยคนใหม่ หลังจากที่ นายภาณุ อุทัยรัตน์ นายกสมาคมกีฬาปันจักสีลัตแห่งประเทศไทย คนปัจจุบันจะหมดวาระลง หลังดำเนินงานในตำแหน่งครบวาระ 4 ปี

ทั้งนี้ นายจงรักษ์ เขี้ยวแก้ว เลขาธิการสมาคมกีฬาปันจักสีลัตแห่งประเทศไทย ได้เสนอชื่อให้ ผช.เอกสิทธิ์ อ้วนไตร อุปนายกสมาคมฯ เป็นประธานในการเลือกตั้งและได้การรับรองอย่างเป็นเอกฉันท์ในที่ประชุม โดยในการเสนอชื่อนายกสมาคมฯ คนใหม่ ได้มีตัวแทนจากสโมสรกองทัพบก ยกมือเสนอชื่อ นายภาณุ อุทัยรัตน์ อดีตนายกสมาคมฯ ให้เป็นนายกสมาคมฯ คนใหม่ ซึ่งไม่มีตัวแทนสโมสรสมาชิกคนอื่นๆ เสนอชื่อร่วมลงแข่งขัน 

จากนั้นประธานการเลือกตั้งให้ผู้เข้าร่วมประชุมยกมือรับรองให้ นายภาณุ อุทัยรัตน์ เป็นนายกสมาคมคนใหม่ และจากตัวแทนสโมสรสมาชิกสามัญผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งที่มาร่วมประชุมทั้งหมด 70 คน จากทั้งหมด 86 คน มีผู้ยกมือรับรองเกินครึ่ง การรับรองการดำรงตำแหน่งของนายภาณุ จึงเป็นเอกฉันท์ การเลือกตั้งจึงได้ลงมติให้ นายภาณุ อุทัยรัตน์ เป็นนายกสมาคมกีฬาปันจักสีลัตแห่งประเทศไทยต่ออีกหนึ่งวาระเป็นจำนวน 4 ปี ทำให้ นายภาณุ อุทัยรัตน์ จึงจะได้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน รวมจะเป็นเวลา 12 ปีด้วยกัน นับตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งในวาระแรกเมื่อปี 2559 

นายภาณุ อุทัยรัตน์ กล่าวหลังได้รับตำแหน่งเป็นคำรบที่ 3 ว่า ต้องขอบคุณครอบครัวสมาชิกปันจักสีลัตที่มาจากสโมสรชมรมต่างจากทั่วประเทศไทย 70 สโมสรที่ไว้วางใจให้ตนเป็นนายกสมาคมฯ เป็นครั้งที่ 3 ที่ผ่านมาเราได้พยายามผลักดันให้กีฬาปันจักสีลัตเป็นที่รู้จักไปยังทั่วประเทศ เราได้พยายามคัดเลือกนักกีฬาทีมชาติและเยาวชนทีมชาติมาจากทั่วประเทศเพื่อทำผลงานในระดับกีฬาซีเกมส์กลับมาให้ประเทศไทย ส่วนแผนงานหลังจากนี้คงจะเน้นหนักไปที่เรื่องของการเป็นเจ้าภาพจัดแมตช์ระดับนานาชาติในไทย และการพัฒนานักกีฬาปันจักสีลัตให้ทำผลงานออกมาเป็นที่น่าประทับใจในการเป็นภาพเจ้ากีฬาซีเกมส์ของไทยในปีหน้า โดยการบริหารงานทุกอย่างนั้นเราพยายามจะยึดถือข้อปฎิบัติ "3 ป." ได้แก่ ความโปร่งใส ประสิทธิภาพการประสานความสัมพันธ์ต่างๆ และการปลุกขวัญกำลังใจให้แก่บรรดานักกีฬา กรรมการและผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยทุกคน 

"สิ่งที่มุ่งหวังที่สุดในการบริหารงาน 4 ปีหลังจากนี้ของผมนั้นก็คือการมีนักกีฬาระดับชาติที่มีความสามารถออกไปสร้างชื่อเสียงกลับมาให้กับประเทศไทยให้ได้มากที่สุดครับ" ประมุขปันจักสีลัตไทย กล่าว