เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาคนใหม่ เข้ากระทรวงวันแรก มอบนโยบายการทำงานด้านกีฬาและท่องเที่ยว ในด้านกีฬามุ่งส่งเสริมกีฬาอาชีพและสมัครเล่น ควบคู่การออกกำลังเพื่อสุขภาวะทางกายและใจที่ดี ยันสิ่งที่ต้องทำเร่งด่วน คือการผลักดันให้นักกีฬาประสบความสำเร็จ และทำกีฬาให้เป็นอาชีพ พร้อมมุ่งเน้นไทยเป็นสปอร์ตฮับแห่งอาเซียน ที่พร้อมในการจัดประชุมหรือแข่งขันกีฬาระดับเวิลด์คลาส ตอกย้ำภาพความเป็นเมืองแห่งการกีฬาและการท่องเที่ยวเต็มตัว
เมื่อช่วงสายวันพุธ ที่ 8 พ.ค.67 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางเข้ากระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาอย่างเป็นทางการเป็นวันแรก เพื่อมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการท่องเที่ยวและกีฬา เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมี นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว, ดร. ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ดร. นิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ อธิบดีกรมพลศึกษา, นายวิษณุ ไล่ชะพิษ ปฏิบัติหน้าที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช เผยว่า การขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงนั้น จะต้องทำทั้งด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ในด้านกีฬาจะมุ่งส่งเสริมให้เกิดความสำเร็จด้านการกีฬาอาชีพและสมัครเล่นควบคู่ไปกับการขยายการเข้าถึงการออกกำลังกายของประชาชนเพื่อรักษาสุขภาพ จึงได้มอบหมายนโยบายเร่งด่วนด้านการกีฬา ประกอบด้วย การผลักดันให้นักกีฬาประสบความสำเร็จ จะต้องทำให้ "กีฬาคืออาชีพ" นักกีฬาสามารถดำรงชีวิตและสร้างความมั่นคงให้แก่ตนเองได้ โดยผลักดันผ่านสโมสรกีฬาและสมาคมกีฬาต่างๆ, การนำกีฬามาช่วยขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจ การสร้างศูนย์กลางกีฬา หรือ "สปอร์ตฮับ" ในระดับภูมิภาค
นายเสริมศักดิ์ เผยอีกว่า สิ่งที่ต้องเร่งทำและทำต่อก็คือการกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว (สปอร์ตทัวริซึ่ม), การสร้างเวิล์ดคลาสอีเวนต์ เช่น กอล์ฟ, วิ่งมาราธอน, ไตรกีฬา เรือใบ และ อีสปอร์ต, การส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนออกกำลังกายเพื่อรักษาสุขภาพ ลดความเจ็บป่วยจากโรคที่ไม่ติดต่อ เช่น โรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, โรคหลอดเลือดอุดตัน และโรคไตวาย ซึ่งจะเป็นการลดภาระด้านสาธารณสุขของประเทศ การปลูกฝัง จิตสำนึกในการออกกำลังกาย การสร้างสนามกีฬา ลานกีฬา และพื้นที่สีเขียว เพื่อการออกกำลังกายให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และการส่งเสริมธุรกิจเพื่อการออกกำลังกาย
รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ยังเผยอีกว่า ในด้านการท่องเที่ยว ตั้งเป้าที่จะเพิ่มรายได้ให้ได้ 3.5 ล้านล้านบาทต่อปี และทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง ด้านการท่องเที่ยว โดยการท่องเที่ยวจะต้องเกื้อกูลต่อการกีฬา พร้อมทำให้ทั้งการกีฬาเกื้อกูลการท่องเที่ยวและผลักดันให้ประสบความสำเร็จด้านกีฬา ตลอดจนการปลูกจิตสำนึกของประชาชนในการออกกำลังกาย ด้านการท่องเที่ยวจะต้องผลักดันอย่างครบวงจรบูรณาการทุกฝ่าย การที่นักท่องเที่ยวจะตัดสินใจไป ท่องเที่ยวที่ใดนั้น ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวและบริการมีความสำคัญ จะต้องมีการปรับปรุงและเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวและบริการ ตลอดจนประชาสัมพันธ์ผ่านสื่ออย่างเหมาะสมเมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติตัดสินใจมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย จะต้องปรับการบริการอย่างครบวงจร โดยโจทย์ที่จะต้องดำเนินการ คือ การหารายได้จากการท่องเที่ยวให้ได้ 3.5 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งขณะนี้เวลาล่วงมาแล้ว 4 เดือน ยังมีเป้าหมายที่จะต้องทำอีกมาก
นายเสริมศักดิ์ ยังเผยทิ้งท้ายด้วยว่า การผลักดันนโยบายท่องเที่ยวและกีฬา จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากข้าราชการ พนักงาน รัฐวิสาหกิจและบุคลากรของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตลอดจนความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน การคำนึงถึงหลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส่ในการปฏิบัติงาน และการรักษาความสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมตลอดจนความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวด้วย