จากผลงานสุดยอดเยี่ยม ที่ทีมไอซ์ฮอกกี้สาวไทยคว้าแชมป์เวิลด์แชมเปี้ยนชิพ ดิวิชั่น 3 กลุ่มบี ก็อดไม่ได้ที่สหพันธ์ฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ จะออกมาชื่นชมว่าเป็นการเดบิวต์ที่ยอดเยี่ยมมากๆของทัพสาวไทยในการเข้าร่วมการแข่งขันระดับโลกครั้งแรก ความสำเร็จนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า เกิดจากการร่วมมือร่วมใจกันของนักกีฬาทุกคนในทีม ซึ่ง "น้องแพรว" ทิพย์วรินทร ญาณกรธนาพันธุ์ ดาวรุ่งดวงใหม่วัย 18 ปี ที่รับหน้าที่เป็นกัปตันทีมชุดดังกล่าว ก็ถือเป็นอีกหนึ่งพลังขับเคลื่อนสำคัญ ที่พาทีมสาวไทยก้าวไปคว้าแชมป์ครั้งนี้ได้
สาวน้อยวัยเพียง 18 ปี ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้นำแห่งทีมไอซ์ฮอกกี้ไทย ชุดชิงแชมป์โลก 2024 เป็นใคร เธอเริ่มต้นบนเส้นทางกีฬาไอซ์ฮอกกี้ได้อย่างไร อะไรคือจุดเริ่มต้นในการก้าวมาติดทีมชาติไทย ก่อนจะกลายมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีม ทีมข่าวกีฬาสยามและสยามสปอร์ต ถือโอกาสนำบทสัมภาษณ์ ที่เจ้าตัวได้เปิดใจกับทีมข่าวมาให้แฟนๆกีฬาได้ทำความรู้จักกับเจ้าตัวกัน
เริ่มเล่นฮอกกี้น้ำแข็งตั้งแต่เมื่อไร ?
แพรว : "ก่อนหน้าจะมาเล่นไอซ์ฮอกกี้ หนูเริ่มเล่นฟิกเกอร์สเก็ตมาก่อนค่ะ ตอนเด็กๆคิดแค่ว่าอยากเล่นสเก็ตน้ำแข็ง แต่ทางลานสเก็ตน้ำแข็งเห็นว่าหนูเป็นผู้หญิง ก็เลยให้เล่นกีฬาฟิกเกอร์สเก็ต เพราะคิดว่าของสวยๆงามๆ น่าจะเหมาะกับผู้หญิงมากกว่า"
"แต่พอไปๆมาๆ หนูเองก็อยากลองอะไรใหม่ๆ ก็เลยหันมาเล่นไอซ์ฮอกกี้พร้อมกับน้องชาย ซึ่งตอนนั้นหนูก็อายุ 11 ปี พอได้เล่นไอซ์ฮอกกี้ก็รู้สึกว่าชอบมาก เพราะเราไม่ต้องห่วงท่าสวย มันสามารถปลดปล่อยความเป็นตัวเองได้เป็นอย่างมาก ก็เลยติดใจตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา"
ชอบอะไรในกีฬาไอซ์ฮอกกี้ ?
แพรว : "จุดที่ชอบจริงๆ คือเราสามารถปล่อยพละกำลังของเราได้อย่างเต็มที่ หวดลูกพัคแรงๆ สเก็ตเร็วๆ และสนุกกับเกมแข่งขันที่เราได้ลงเล่นกับเพื่อนๆ บวกกับความสนุกไปกับเสียงเชียร์ ที่สำคัญเวลาเรายิงประตูได้ มันเป็นอะไรที่มีความสุขมาก และถ้าทีมเราชนะมันก็จะมีความสุขไปพร้อมกับเพื่อนๆ"
ปรับตัวยากไหม กับการที่ต้องขึ้นมาเล่นทีมชาติชุดใหญ่ ?
แพรว : "มีปรับตัวในรูปแบบการฝึกซ้อม ที่ต้องหนักมากยิ่งขึ้นทั้งในลานและนอกลาน ซึ่งที่ผ่านมาวงการไอซ์ฮอกกี้ไทยมีผู้หญิงเล่นน้อยค่ะ ทำให้สมัยก่อน ต้องไปเล่นกับทีมผู้ชายที่อยู่ในรุ่นเดียวกัน บางครั้งถ้าหนูอยากเล่นกับผู้หญิงด้วยกัน ก็ต้องขึ้นไปเล่นกับทีมผู้ใหญ่เลย ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมามันเลยทำให้เรามีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ในตอนนี้ที่หนูอายุ 18 ปี แต่สามารถสู้กับทีมต่างชาติที่เต็มรุ่นได้ ก็ไม่ใช่แค่หนูคนเดียวนะ เพราะเพื่อนร่วมทีมทุกคนก็ถูกฝึกแบบนี้กันแทบจะทุกคน ทำให้ทีมชาติไทยชุดใหญ่ปัจจุบันมีแกนหลักเป็นกลุ่มเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี"
เล่าถึงการลงเล่นทีมชาติไทยชุดใหญ่หน่อย ?
แพรว : "ครั้งแรกที่เล่นทีมชาติไทยชุดใหญ่อย่างเป็นทางการ ก็คือ 2023 IIHF Asia and Oceania Championship หรือจะเรียกว่าชิงแชมป์เอเชียค่ะ แมตช์นั้นรับหน้าที่เป็นกัปตันทีมด้วย รายการนี้เป็นศึกที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย และไทยก็เป็นเจ้าภาพ ทำให้ทุกครั้งที่ไทยลงแข่งขันจะมีกองเชียร์เข้ามาแน่นสนาม ตอนนั้นรู้สึกตื่นเต้นมากค่ะ เพราะไม่เคยเล่นท่ามกลางเสียงเชียร์มากมายขนาดนี้ สำหรับการเป็นกัปตันทีม ถือว่ากดดันมากค่ะ เพราะเรามีเป้าหมายเดียวคือต้องป้องกันแชมป์ให้ได้ เนื่องจากไทยได้แชมป์เมื่อปี 2019 และก็หยุดแข่งไปเนื่องจากโควิด แล้วกลับมาอีกทีในปี 2023"
"เกมที่ยากที่สุดของทีมไทยก็คือเกมนัดชิงชนะเลิศที่ต้องเจอกับ อิหร่าน ที่แข็งแกร่งมาก เพราะยิงได้เกือบ 20 ลูกทุกนัด ในเกมนั้นเรายิงนำอิหร่านก่อน แต่ก็โดนตีเสมอ 1-1 ตอนนั้นยอมรับว่าทุกคนในทีมไม่เคยเจอเกมรุกที่เร็วแบบนี้ทำให้ทุกคนเริ่มใจเสียวิตกกังวลมาก แต่หนูก็ยังมั่นใจในเพื่อนร่วมทีมทุกคนและบอกว่าพวกเราทำได้มั่นใจในตัวเอง แต่อีกมุมก็คิดว่าถ้าเพื่อนทำไม่ได้ เราก็ต้องทำให้ได้เพื่อชัยชนะของไทย ทำให้ในพีเรียดสุดท้ายทุกคนรวมใจกันสู้อีกครั้งช่วยกันเล่นจนเราเอาชนะไป 3-1 และ 2 ลูกที่ทำได้ก็เป็นตัวหนูเองที่เป็นคนทำประตู"
การไปแข่งระดับโลกครั้งแรกเป็นอย่างไรบ้าง ?
แพรว : "รู้สึกตื่นเต้นมากค่ะ เพราะเป็นการแข่งขันต่างประเทศ และยังเป็นการแข่งขันนอกทวีปด้วย ส่วนทีมคู่แข่งก็ยังเป็นทีมจากยุโรป ที่นักกีฬารูปร่างใหญ่กว่าไทยมาก แต่เราก็มั่นใจในการซ้อมและการเตรียมทีมของไทย แต่พอไปแข่งแล้วต้องยอมรับเลยว่าเป็นเกมที่ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะในการเจอกับเจ้าภาพเอสโตเนีย อย่างไรก็ตามเพื่อนๆในทีมมีฟอร์มการเล่นที่ดีทำให้ไทยคว้าแชมป์ไป แต่ฟอร์มส่วนตัวนั้นยังไม่พอใจ เพราะยอมรับว่าเล่นได้ไม่ค่อยดี"
ได้ข้อคิดและประสบการณ์อะไรบ้างในการไปแข็งระดับโลก ?
แพรว : "แม้ว่าระดับที่เราไปจะเป็น ดิวิชั่น 3 กลุ่มบี ที่ถือว่าเป็นระดับเริ่มต้น แต่เราก็ได้เห็นการเล่นของทีมยุโรปว่ามีการเล่นอย่างไร เข้าปะทะหนักแค่ไหน ซึ่งเราก็เก็บประสบการณ์นั้นมาพัฒนาร่างกายของทีมไทยให้แข็งแกร่งกว่านี้อีก เพราะในระดับดิวิชั่น 3 กลุ่มเอ จะต้องเจอกับทีมที่แข็งแกร่งกว่านี้ ส่วนตัวก็มีความตั้งใจว่าอยากให้พาทีมชาติไทยขึ้นไปเล่นในดิวิชั่นที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และก็อยากเล่นระดับอาชีพในต่างประเทศ"