สัปดาห์หน้าก็จะเป็นการแข่งขันรักบี้ 7 คนชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย รายการ "Asia Rugby Sevens Series" โดยศึกรักบี้รายการนี้ถือว่าเป็นแมตช์ระดับพรีเมี่ยม 5 ดาว ที่เหล่าบรรดาทีมชั้นนำของเอเชียฟาดฟันกันเพื่อแย่งตำแหน่งเบอร์ 1 ของเอเชีย ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 สนาม โดยสนามที่ 1 เริ่มที่ไทย ระหว่างวันที่ 22-23 ต.ค.2565 ที่สนามกีฬาบุณยะจินดา ส่วนสนามต่อไปคือ เกาหลีใต้ และ สนามสุดท้ายที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
กลับมาที่สนามแรก ที่ไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีเลย หลังจากที่เคยเป็นเจ้าภาพมาแล้วในปี 2013 แต่ในครั้งนี้กลับมีอะไรที่พิเศษกว่านั้นก็คือการแข่งขันรายการนี้จะถ่ายทอดสดใน เอเชียรักบี้ ที่มีคนดูทั่วโลก แล้ว ไทย ก็ต้องโชว์ศักยภาพของระบบการจัดการแข่งขันให้ดีที่สุด และยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้รับจดหมายสำคัญของสหพันธ์รักบี้โลก ว่าอยากให้ไทยเป็นเจ้าภาพศึกรักบี้ 7 คนชิงแชมป์โลก ในปี 2026 แล้วถ้าภาพรวมจัดมาดี ไม่แน่วงการรักบี้ไทยอาจจะได้เป็นเจ้าภาพแมตช์ระดับโลกก็เป็นได้
เมื่อพูดถึงการจัดการแข่งขันที่ต้องยิ่งใหญ่ แสง สี เสียง ต้องมาเต็ม ไปแล้ว ก็มาดูเรื่องขุมกำลังของทีมหญิงไทยกันบ้าง กับตำแหน่งเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย ที่บอกเลยว่าเสือร้ายแดนสยามพร้อมตะปบทุกทีม โดยเฉพาะในปีนี้นักกีฬาแต่ละคนกำลังพีค มีการปรับหมากกันนิดหน่อย โยกคนนั้น ขยับคนนี้ เชื่อว่าคู่แข่งไม่เคยเจอรูปแบบการเล่นนี้แน่นอน ส่วนนักกีฬาเด่นๆที่น่าจับตาคงหนีไม่พ้น "เนย ป๊อกบา" จิราวรรณ ชูตระกูล ที่เป็นร่างอวตารของ "เพอร์รี่ เบเคอร์" ปีกจรวดทีมชาติสหรัฐอเมริกา ที่มีลักษณะการเล่นและไลน์การวิ่งที่ถอดแบบ เบเคอร์ ออกมาเหมือนกัน จนตอนนี้ทั่วเอเชียต่างก็เฝ้าดูว่าปีนี้จะได้เฉิดฉายหรือไม่ ซึ่งในอดีตนั้น "เนย ป๊อกบา" มีจุดเด่นที่การวิ่ง เพราะมีสกิลการสับจากการที่เป็นอดีตเยาวชนกรีฑาทีมชาติไทย แต่จุดอ่อนคือความเข้าใจในเกมรักบี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี ก็หวังว่าจุดอ่อนที่เคยมีจะได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว และนี่ก็คือขีปนาวุธเบอร์ 1 ของไทย
ขณะที่ขุมกำลังคนอื่นๆ ก็มี 3 ทหารเสือเมืองน่าน พรรณพัสษา ใจจริม, พรรณราย ชัยมงคล และ นันทัชพร ยอดยา ที่ถือว่าเป็นกำลังหลักของรักบี้สาวยุคใหม่ ที่ถูกฝึกมาด้วยวิทยาศาตร์การกีฬา นอกจากนี้ยังได้ อุทุมพร เลี่ยมรัตน์ กลับมาสวมปลอกแขนกัปตันทีมอีกครั้ง ที่ปีนี้ขยับขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้า คู่กับ ธนาภรณ์ หวลคิด ซึ่งเป็นแท็กติกใหม่ของ โลเต้ ไลคาบูร่า ที่ต้องการคนเล่นกองหน้าแต่มีสกิลการวิ่งที่จัดจ้าน นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าปีนี้สไตล์รักบี้สาวไทยอาจจะเปลี่ยนไปใช้ความคล่องตัวมากกว่าการเข้าปะทะในแดนหน้า
ส่วนเรื่องการแบ่งสายนั้นทางเอเชียรักบี้ก็ประกาศออกมาแล้ว โดยจัดตามแรงกิ้งปัจจุบัน จึงทำให้สาวไทยอยู่สายที่ค่อนข้างจะโหดพอตัว เพราะมีทั้ง ญี่ปุ่น ทีมอันดับ 1 ของเอเชีย, คาซัคสถาน ไม้เบื่อไม้เมาของสาวไทย และ ฟิลิปปินส์ เบอร์ 2 ตลอดกาลของอาเซียน ส่วนอีกสายก็จะเป็น จีน, ฮ่องกง และ มาเลเซีย ส่วน ศรีลังกา นั้นติดปัญหาเรื่องการเมืองภายในจึงไม่สามารถมาแข่งขันได้ ซึ่งสายนี้จุดไฮไลต์อยู่ที่การเจอกันของ จีน และ ฮ่องกง เพราะถือว่าเป็นเกมดาร์บี้ที่สู้กันด้วยการเหตุผลทางการเมืองที่ไม่มีใครยอมใคร
พอผลการจับสายออกมาเป็นแบบนี้ทีมสาวไทยมีทางเดียวคือขอให้ชนะ คาซัคสถาน ก็เพียงพอต่อการเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ แล้วก็ต้องไปลุ้นว่าจะเจอ จีน หรือ ฮ่องกง แต่ถ้าให้เลือกก็ขอเข้าเป็นอันดับ 1 ของสายเลยแล้วกัน เพราะถ้าเราเข้าเป็นที่ 1 ของสาย เชื่อว่ารอบรองชนะเลิศจะต้องไปวัดกับ ฮ่องกง ที่อาจจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับไทย มีลุ้นถึงเข้าชิงชนะเลิศ แต่ทว่าเกม 7 คน ก็ไม่แน่ไม่นอนอยู่ที่จังหวะว่าใครเผลอนิดเดียวต่อให้เป็นเบอร์ 1 ของเอเชียก็แพ้ได้เช่นกัน