การกีฬาแห่งประเทศไทย มอบรางวัลผู้ชนะเลิศ การประกวดตราสัญลักษณ์ (Logo),คำขวัญ (Motto),สัญลักษณ์นำโชค (Mascot),ประจำการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ ในปี 2025 เพื่อเป็นการสร้างอัตลักษณ์ที่ชัดเจน และสร้างการรับรู้จดจำการสื่อสาร และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย
โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลการประกวดตราสัญลักษณ์ (Logo) คำขวัญ (Motto) สัญลักษณ์นำโชค (Mascot) ของการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในปี พ.ศ.2568 หรือ ค.ศ.2025 โดยมี ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พร้อมด้วย นายประชุม บุญเทียม รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา กกท., นายปรีชา ลาลุน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ กกท. และผู้ชนะการประกวดร่วมรับรางวัล ที่ห้องประชุมชั้น 25 อาคาร เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก เมื่อวันที่ 23 พ.ย.66
ตามที่ประเทศไทยมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 พ.ศ.2568 หรือผี ค.ศ.2025 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 พ.ศ.2568 หรือ ค.ศ.2025 โดยกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 มีกำหนดแข่งขันระหว่างวันที่ 9-20 ธ.ค. 2568 โดยมี 3 จังหวัดคือ กรุงเทพมหานคร, จ.ชลบุรี และ จ.สงขลา ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ส่วนกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 กำหนดแข่งขันระหว่างวันที่ 20-26 ม.ค. 2569 โดยมี จ.นครราชสีมา เป็นเจ้าภาพนั้น
ทั้งนี้ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้จัดการประกวดออกแบบระดับประชาชนทั่วไปขึ้น เพื่อคัดสรรผลงานการออกแบบตราสัญลักษณ์ (Logo) คำขวัญ (Motto) และสัญลักษณ์นำโชค (Mascot) ประจำการแข่งขันสำหรับการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 โดยเปิดให้ผู้สนใจส่งผลงานเข้าร่วมประกวดระหว่างวันที่ 20 ก.ย. - 25 ต.ค. 2566 ภายหลังจากการเปิดรับผลงานมีผู้ที่สนใจร่วมส่งผลงานการออกแบบตราสัญลักษณ์ (Logo) คำขวัญ (Motto) สัญลักษณ์นำโชค (Mascot) เข้าร่วมการประกวดกันอย่างเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้คณะกรรมการตัดสิน ได้ให้ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้ารอบตัดสิน นำเสนอผลงานรอบสุดท้าย เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ก่อนที่คณะกรรมการสรุปผลการตัดสิน และประกาศผลงานการประกวดรางวัลทั้งหมด ผลปรากฏว่า สำหรับกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 โดยรางวัลชนะเลิศการประกวดตราสัญลักษณ์ (Logo) ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ตกเป็นของ นายเรืองวิทย์ ภู่ธราภรณ์ ส่วนรางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ เป็นของ นายไพโรจน์ อยู่จ่าย และนายฐปนนท์ อ่อนศรี
ด้านรางวัลชนะเลิศการประกวดสัญลักษณ์นำโชค (Mascot) ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ตกเป็นของ นายทวิช จิตเที่ยง และรางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ตกเป็นของ นายนพดล อนันต์ถาวร และ น.ส.ศริยา หรรษาเวก
ด้านผู้ชนะเลิศการประกวดคำขวัญ (Motto) ได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ เป็นของ นายพลจิตร สาไชยยันต์ คำขวัญ คือ "Amity of ASEAN" ส่วนรางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ เป็นของ นายทวิช จิตเที่ยง คำขวัญ คือ "Unity is Power" และนายสุรัตนชัย ชื่นตา คำขวัญ คือ "The power of friendship"
ขณะที่กีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 รางวัลชนะเลิศการประกวดตราสัญลักษณ์ (Logo) ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ตกเป็นของ นายอดิศักดิ์ ม่วงคง และรางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ตกเป็นของ นายอัฑฒ์อิศรา รักปลื้ม และนายสมชาย นิลแก้ว
รางวัลชนะเลิศการประกวดสัญลักษณ์นำโชค (Mascot) ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ตกเป็นของ นายนพดล อนันต์ถาวร และรางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ เป็นของ นายอภิชัย ผ่องภิรมย์ และนายเผ่าพันธ์ พงศ์พิธธน
ขณะที่รางวัลชนะเลิศการประกวดคำขวัญ (Motto) ได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่ นายถวัลย์ ดิษฐสุธรรม คำขวัญ คือ "Create pride together" ด้านรางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่ นายสุรัตนชัย ชื่นตา คำขวัญ คือ "Opportunity and Equality" และนายหาญ พิริยะสงวนพงศ์ คำขวัญ คือ "Power of ASEAN"
สำหรับตราสัญลักษณ์ (Logo) คำขวัญ (Motto) สัญลักษณ์นำโชค (Mascot) ที่ชนะเลิศการประกวดจะนำไปใช้ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 เพื่อการรับรู้จดจำการสื่อสารของประเทศไทย และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย ประชาชนทั่วประเทศได้รับรู้ รวมถึงเพลงประจำการแข่งขัน เกิดความภาคภูมิใจที่ประเทศไทยได้รับเกียรติในการเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาแห่งอาเซียนในครั้งนี้