กกท.เร่งหาสาเหตุหลังคาอินดอร์ถล่ม สั่งตรวจเช็คทุกสนามกีฬาเพื่อความปลอดภัย

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าของสนามกีฬาในร่ม อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก ภายหลังเกิดเหตุหลังคาพังถล่ม หลังเกิดฝนตกอย่างหนัก ในช่วงก่อนพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาวีลแชร์บาสเกตบอลโลก 2023 รุ่นอายุไม่เกิน 25 ปี  เมื่อช่วงเย็นวันอังคาร ที่ 3 ต.ค.66 ว่า ในวันที่เกิดเรื่องตนเองได้เดินทางไปดูในสถานที่เกิดเหตุทันทีด้วย ต้องบอกว่าโชคดีที่ไม่ใครเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บหนัก 

ผู้ว่าการกกท. เผยอีกว่า อุบัติเหตุครั้งนี้ต้องมีการสอบเข้ม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นต้องบอกว่าไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะอย่างที่ทราบกันว่าหลังคาสนามกีฬาอินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก ของเราเพิ่งจะทำการซ่อมแซมไปได้เป็นระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น และยังอยู่ในช่วงของการรับประกันด้วย เพราะฉะนั้นบริษัทที่เข้ามาปรับปรุงซ่อมแซมในครั้งนั้น ก็จะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นในรอบนี้

"อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงกัน ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะก่อนที่จะมีเหตุการณ์ในช่วงเย็นวันอังคาร ที่ 3 ต.ค.นั้น ได้มีการขึ้นไปตรวจสอบด้วยในช่วงของวันศุกร์ ที่ 29 ก.ย. ซึ่งในการตรวจสอบนั้นก็ผ่านการตรวจสภาพด้วย แต่มาเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นในอีก 3 วันให้หลัง ดังนั้นก็คงต้องมาตรวจสอบกันอีกที เพื่อหาข้อสรุปและข้อเท็จจริงของเหตุการณ์นี้"

ดร.ก้องศักด เผยอีกว่า ตอนนี้กกท.ได้สั่งการให้มีการตรวจสภาพของสนามกีฬาทุกสนามกีฬา ทั้งราชมังคลากีฬาสถาน หรือสนามใดๆก็ตามที่เป็นความรับผิดชอบของกกท. เพราะต้องยอมรับว่าสนามกีฬานั้นมีอายุการใช้งานค่อนข้างสูง ฉะนั้นจึงต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย ตอนนี้ก็ถือว่าความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับ 1 และเราก็ไม่ต้องการทำให้มีความเสี่ยงในการจัดกิจกรรมกีฬาต่างๆ

สำหรับสนามอินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก เปิดใช้เมื่อปี พ.ศ 2509 เดิมมีชื่อว่า สนามกีฬากิตติขจร ตั้งตามนามสกุลของ จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น สร้างขึ้นเพื่อรองรับการจัดการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ นับถึงปัจจุบันมีอายุการใช้งานแล้ว 57 ปี โดย กกท.มีแผนซ่อมแซมและปรับปรุง เพื่อกลับมาใช้จัดกีฬาและกิจกรรมต่างๆหลังจากนี้ ซึ่งในเดือนก.พ.2567 เตรียมใช้สำหรับการจัดกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ 

ขณะเดียวกันยังมีแผนร่วมทุนกับภาคเอกชน เพื่อปรับปรุงครั้งใหญ่ ด้วยการสร้างสนามขึ้นใหม่บนพื้นทีเดิม โดยจะปรับปรุงให้มีความทันสมัยและเพิ่มความจุจาก 6 พันที่นั่ง (ของเดิม) ไปเป็นระดับ 15,000 ที่นั่ง ตามแผนในโครงการสมาร์ท เนชั่นแนล สปอร์ต ปาร์ค ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาพื้นที่ภายในกกท.ให้เป็นแลนด์มาร์กในด้านกีฬาและการใช้ชีวิต อีกทั้งเป็นการใช้ประโยชน์จากพื้นที่สนามกีฬาหัวหมาก ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการแข่งขันกีฬาในประเทศและต่างประเทศทุกระดับ