อังกฤษคว้าสิทธิ์จัดปิงปองโลก-"นายกตูน"ชี้ไทยขึ้นพรีเซนต์ทำทั่วโลกรู้จัก

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายณัฐวุฒิ เรืองเวส นายกสมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยถึงที่มาที่ไปว่า รายการชิงแชมป์โลกเป็นรายการแข่งขันเทเบิลเทนนิสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกตามชื่อ นักปิงปอง โค้ช เจ้าหน้าที่ทั่วโลกต่างใฝ่ฝันอยากที่จะเป็นส่วนหนึ่งในรายการนี้ แต่ก็ไม่เคยมีใครคิดว่าจะมาจัดรายการใหญ่ยิ่งนี้ที่ประเทศไทยได้ ในส่วนของตนเองที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทยได้ไม่นานก็เล็งเห็นว่าประเทศไทยเรามีศักยภาพความพร้อมมากพอในเรื่องการจัดทัวร์นาเมนต์กีฬาทุกๆด้าน แม้กระทั่งทางสหพันธ์ฯ เองก็เอ่ยปากความประทับใจในการเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันของไทยเราอยู่บ่อยครั้ง นั่นทำให้ไทยมีโอกาสเป็นเจ้าภาพอีเวนต์กีฬาเทเบิลเทนนิสนานาชาติอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเรื่องของแสงสีเสียงในการจัดแข่งขันประเทศไทยเราก็เปรียบเสมือนเป็นผู้ริเริ่มจนทั่วโลกเริ่มปฏิบัติตาม ดังนั้นตนมองว่าไทยเราจัดได้สบาย 

 ประมุขกีฬาปิงปองของไทยกล่าวต่อว่า และด้วยที่ทางสหพันธ์ฯ จะเปิดการประชุมเพื่อเลือกเจ้าภาพชิงแชมป์โลกปี 2026 ไอทีทีเอฟ ซัมมิต แบงค็อก 2023 "เวิลด์ เทเบิลเทนนิส แชมเปียนชิพส์ 2026 บิดดิ้ง" ในปีนี้ จึงได้ถามไถ่มายังไทยว่ามีความสนใจที่จะเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมหรือไม่ ซึ่งไทยเราก็พร้อมรับ ตนจึงมองว่าไหนๆ ก็มาประชุมการคัดเลือกที่ไทยแล้ว เราก็ควรเสนอตัวร่วมเป็นเจ้าภาพด้วยเลย เพราะตนมองว่าการเป็นเจ้าภาพเทเบิลเทนนิสชิงแชมป์โลก 2026 เป็นปีที่มีความพิเศษสุด ด้วยเป็นปีที่จะครบรอบ 100 ปีของรายการจากที่จัดขึ้นเป็นปีแรกเมื่อปีค.ศ.1926 

ในส่วนของขั้นตอนการคัดเลือกประเทศที่จะได้รับสิทธิ์นั้น นายกตูน เผยว่า ขั้นแรกก็จะให้ประเทศต่างๆ แสดงเจตจำนงค์ที่อยากจะได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพมา ซึ่งปรากฎว่าจากทุกประเทศทั่วโลกมี 5 ประเทศที่เสนอตัว ประกอบด้วย จีน, ญี่ปุ่น, สวีเดน, อังกฤษ และ ไทย จากนั้นให้ชาติต่างๆ ส่งเอกสารข้อมูลต่างๆ ในการที่จะใช้เสนอตัวรับสิทธิ์ไปให้แก่สหพันธ์ฯ ซึ่งพอถึงขั้นดังกล่าวนี้กลับเหลือเพียง อังกฤษ และ ไทย เท่านั้นที่ส่งเอกสาร และเมื่อทางสหพันธ์ฯ ได้รับเอกสารก็จะนำไปเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณาว่าประเทศที่ส่งเอกสารมานั้นเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของทางสหพันธ์ฯ หรือไม่ ซึ่งทั้งอังกฤษและไทยผ่านการพิจารณา ทั้ง 2 ชาติจึงได้สิทธิ์ไปพรีเซนต์นำเสนอต่อยังการประชุม ไอทีทีเอฟ ซัมมิต แบงค็อก 2023 "เวิลด์ เทเบิลเทนนิส แชมเปี้ยนชิพส์ 2026 บิดดิ้ง" ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ณ โรงแรมแกรนด์โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น ศรีนครินทร์ เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งผลการคัดเลือกปรากฎว่าเป็นทางประเทศอังกฤษได้รับชัยชนะไปที่จำนวนคะแนนโหวต 67 คะแนน คิดเป็น 63.81% ส่วนประเทศไทยได้รับคแนนโหวต 38 คะแนน คิดเป็น 36.19%  

 นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงผลที่ออกมาว่า "กับผลที่ออกมาผมมองว่าด้วยความที่ อังกฤษ เป็นประเทศเจ้าภาพในการจัดเทเบิลเทนนิสชิงแชมป์โลกครั้งที่ 1 ผู้ที่เลือกอังกฤษจึงน่าจะมองว่าเป็นการนำการแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงแชมป์โลกกลับบ้านสู่เจ้าภาพครั้งแรก อีกทั้งศึกชิงแชมป์โลกไม่ได้กลับไปจัดที่ยุโรปนานแล้วด้วย ผมมองว่าถ้าไม่ได้มีเรื่องความพิเศษเหล่านี้ประเทศไทยเราก็คงได้รับเลือก"

"กับผลที่ออกมาผมไม่ได้รู้สึกเสียใจเลย เราทำเต็มที่แล้วในการนำเสนอในการพรีเซนต์ ใครที่ได้รับชมวีทีอาร์นำเสนอการเป็นเจ้าภาพของไทยก็คงจะชื่นชอบ แต่เรารู้อยู่แล้วว่าเราสู้กับอะไร โอกาสมันยากแค่ไหน และเราก็รู้ว่าที่เราไม่ได้สิทธิ์ไม่ใช่เพราะว่าเราสู้ไม่ได้ แต่มันเป็นเรื่องของความพิเศษ เมื่อจบการประชุมคัดเลือกหลายประเทศยังเดินมาตบไหล่ผมแล้วบอกว่าอยากให้ปี 2027 เจ้าภาพเป็นไทยเรา แต่ผมก็ยังยืนยันว่าเราอยากได้โอกาสในปี 2026 จริงๆ เพราะมันคือการครบรอบ 100 ปี ดังนั้นประเด็นที่สำคัญกว่าการที่เราไม่ได้สิทธิ์ก็คือการที่ทุกประเทศของวงการปิงปองโลกเขาได้รู้จักกับเราแล้ว เพราะในช่วงเวลาการพรีเซนต์ 30 นาทีที่มีการไลฟ์ไปทั่วโลกเราได้นำเสนอความเป็นไทยทุกอย่างออกไปผ่านการพรีเซนต์ ซึ่งโอกาสแบบนี้ไม่ใช่ใครก็ทำได้" นายณัฐวุฒิ กล่าว

 นายกตูนกล่าวทิ้งท้ายว่า แผนงานต่อไปของสมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทยในปีนี้ก็จะเป็นการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย 2023 ที่ประเทศเกาหลีใต้ในช่วงต้นเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ จากนั้นก็จะเป็นรายการเก็บคะแนนสะสมโลก 2 รายการคือ ดับเบิลยูทีที ฟีดเดอร์ แบงค็อก 2023 และ ดับเบิลยูทีที ยูธ คอนเทนเดอร์ แบงค็อก 2023 ที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ในช่วงเดือนกันยายน ก่อนที่จะเป็นมหกรรมใหญ่อย่าง เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน ในเดือนตุลาคม และปิดท้ายที่รายการชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2566 ในช่วงปลายปี

"สำหรับการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพเทเบิลเทนนิสชิงแชมป์โลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยของเราครั้งนี้ไม่อยากให้ใช้คำว่าพลาดโอกาส แต่ผมมองว่ามันคือการประสบความสำเร็จในการได้จัดประชุมให้คนปิงปองทั่วโลกได้รู้จักเรา และมันคือการทำให้ทุกประเทศรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้มาที่ประเทศไทย" นายกตูน กล่าวทิ้งท้าย