การแข่งขันตะกร้อลอดห่วง ในกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 48 "กาญจนบุรีเกมส์" ที่โรงยิมรวมใจพัก 2 โรงเรียนบ่อพลอยรัชดาภิเษก เมื่อ 27 ส.ค.66 เป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ ทั้งประเภททีมชายและทีมหญิง โดยประเภททีมหญิง (กติกาสากล) คู่ชิงชนะเลิศเป็นศึกบิ๊กแมตช์ ระหว่าง แชมป์เก่า อุดรธานี กับ กรุงเทพมหานคร เหรียญทองแดงเมื่อครั้งที่แล้ว ซึ่งทั้งสองทีมต่างก็นำทัพมาโดยกลุ่มผู้เล่นดีกรีทีมชาติไทย

สำหรับเกมแมตช์นี้สู้กันสนุกและดุเดือดแบบไม่มีใครยอมใคร โดยหลังจบการเล่น 30 นาที เสมอกัน 840-840  ต้องตัดสินกันในการดวลซัดเดิลเดธอีก 5 นาที  ซึ่งทั้งสองทีมยังคงผลัดกันทำคะแนนเบียดกันแบบลูกต่อลูก ครบ 5 นาที ยังไม่มีผู้ชนะ เสมอกัน 150-150 ต้องดวลซัดเดิลเดธรอบที่ 2 ต่ออีก 5 นาที ซึ่งในรอบนี้เป็นทีมนักนักตะกร้อลอดห่วงสาวจากกทม. ที่มาทำคะแนนเบียดเอาชนะในช่วง 10 วินาทีสุดท้าย จากลูกแปข้างเท้าด้านในของ ชวิศา รักษาชาติ ส่ง กทม.เฉือนเอาชนะไปอย่างหวุดหวิด 190-180 คว้าเหรียญทองไปครอง ด้านอุดรธานี ได้เหรียญเงิน ส่วนทองแดง เป็นของ ราชบุรี กับ สุพรรณบุรี    

ด้านการแข่งขันตะกร้อลอดห่วงทีมชาย (กติกาไทย) รอบชิงชนะเลิศ เป็นการดวลกันระหว่าง แชมป์เก่า นครราชสีมา กับ กรุงเทพฯ รองแชมป์เมื่อปีที่แล้ว โดยหนนี้เป็นกทม.ที่เตรียมตัวมาดี ล้างตาและเอาชนะไปได้สำเร็จ ด้วยสกอร์ 1,575 - 1,490 คะแนน คว้าเหรียญทองไปครอง ส่วนเหรียญทองแดงทั้ง 2 เหรียญ เป็นของ กาญจนบุรี กับ ชลบุรี 

หลังจบการแข่งขัน "พลอย" พิมพิกา มุ่งสุเพ็ง แกนหลักดีกรีทีมชาติไทยของกรุงเทพฯ เผยว่า รอบชิงชนะเลิศเป็นเกมที่สนุกและดุเดือดมากๆ เพราะคู่แข่งที่เจอกันก็มีนักกีฬาทีมชาติไทยด้วย และพอจะรู้ฝีมือกันเป็นอย่างดี แมตช์ชิงทีมพยายามเล่นไปตามเกม ซึ่งทีมก็ทำได้ดีมากๆ ส่วนคู่ก็ทำได้ดีเช่นกัน ทำให้เกมออกมาสูสีเสมอกันในเวลา 30 นาที และต้องเล่นซัดเดิลเดธถึง 2 รอบ ก่อนทีมของเราจะเอาชนะได้แบบหวุดหวิด 

ด้าน "แป้ง" ชวิศา รักษาชาติ ผู้ที่ทำสกอร์สุดท้ายช่วยให้ทีมกทม.เอาชนะและคว้าเหรียญทองในการดวลซัดเดิลเดธรอบที่ 2 เปิดใจว่า ในจังหวะนั้นตนก็โฟกัสอยู่กับเกมการเล่น ไม่ได้สนใจคะแนนของทีมตัวเองหรือคู่แข่ง และไม่รู้ด้วยว่าตอนไหนใครนำใครตาม และเหลือเวลาอยู่เท่าไหร่ คิดเพียงแต่ว่าต้องทำแต้มให้ได้ ซึ่งพอเตะลงไปแล้วเป็นลูกที่ทำให้ทีมเอาชนะได้ด้วย ก็ยิ่งทำให้รู้สึกดีใจ และเหมือนเป็นการยกภูเขาออกจากออกอกด้วย