นางสาวศมจรส มิ่งคำเลิศ โฆษกการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เผยว่า จากกรณีที่ ว่าที่ร้อยโท ยุทธการ รัตนมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้อภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
โดยเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 66 โดยมีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับการสนับสนุนงบประมาณให้กับสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ จากภาครัฐ และกกท. อย่างจริงจังในระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ จากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ นั้น กกท.ขอรายงานข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดความความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ส่งผลต่อความเข้าใจผิดของประชาชน และให้ได้รับทราบข้อเท็จจริงโดยทั่วกันว่า
"ในการช่วยเหลือ ส่งเสริม และสนับสนุนสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด และสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นหน้าที่ของ กกท. ที่จะเป็นผู้พิจารณางบประมาณ จากงบประมาณประจำปี ที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณ หรืองบประมาณจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เพื่อตอบสนองนโยบายในการพัฒนากีฬา ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ แผนพัฒนากีฬาแห่งชาติ และตัวชี้วัดที่ควบคุมการปฎิบัติงานด้านต่างๆของกกท. ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนงบประมาณจากส่วนใดก็ตามที่กล่าวมาแล้วนั้น คือ การดำเนินการของ กกท.ทั้งสิ้น"
ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 มาตรา 36 ระบุถึงการจัดตั้งกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ขึ้นใน กกท. เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนสำหรับใช้จ่าย เพื่อการส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา คุ้มครอง ช่วยเหลือ และจัดสวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา กล่าวคือ กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เป็นส่วนงานภายใน กกท. มิใช่องค์กร หรือนิติบุคคล ที่แยกเป็นอิสระจาก กกท.แต่อย่างใด
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า กกท.ให้ความสำคัญในการพัฒนากีฬาในส่วนภูมิภาคอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ในปีงบประมาณ 2566 กกท.ได้สนับสนุนงบประมาณจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนากีฬา ในส่วนภูมิภาค และสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด 77 จังหวัด เป็นเงินไม่น้อยกว่า 770,000,000 บาท ส่วนที่ผ่านมา กกท. ได้รับการจัดสรรในส่วนของเงินอุดหนุนสมาคมกีฬาจากงบประมาณประจำปีมาโดยตลอด แต่เนื่องจากมีการระบาดของโควิด-19 ทำให้ปี 2565-2566 กกท.ถูกปรับลดงบประมาณประจำปีลง ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ และถูกตัดงบประมาณในส่วนของเงินอุดหนุนสมาคมออกด้วยทั้งหมด ทำให้ กกท.ต้องทำเรื่องขอใช้เงินกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เพื่อมาใช้เป็นเงินอุดหนุนสมาคมฯ แต่ติดขัดปัญหาในข้อกฎหมาย "มีการยกประเด็นว่า ไม่สามารถใช้เงินกองทุนฯ เพื่อเป็นเงินอุดหนุนสมาคมกีฬาได้"
ทั้งนี้ กกท.ได้มีการหารือกับผู้แทนสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดในคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ในประเด็นนี้อยู่หลายครั้ง เพื่อจะจัดสรรงบประมาณให้กับสมาคมกีฬาในลักษณะเงินสนับสนุนโครงการแทน แต่ผู้แทนสมาคมกีฬาจังหวัดไม่เห็นพ้องด้วย อย่างไรก็ตาม กกท. ไม่ได้นิ่งเฉย เนื่องจากเห็นถึงความเดือดร้อนของสมาคมกีฬาฯ จึงทำเรื่องขอใช้งบกลางจากนายกรัฐมนตรีในกรอบวงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท โดยเมื่อได้รับการอนุมัติเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว กกท.ได้เตรียมความพร้อมเพื่อเร่งเบิกจ่ายให้สมาคมกีฬาโดยทันที ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ได้แจ้งให้กับสมาคมกีฬาฯ และสมาพันธ์สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดทราบมาโดยตลอด