วรศักดิ์ ภักดีคำ ผู้อำนวยการสำนักงาน กกท.ฉะเชิงเทรา ชี้แจงกรณีนักกีฬาเพาะกายของจังหวัด โพสต์ไม่พอใจเงินเบี้ยเลี้ยงและเงินอัดฉีดที่จะได้รับในกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 48 "กาญจนบุรีเกมส์" ไม่คุ้มค่ากับที่ต้องไปแข่ง ระบุเบี้ยเลี้ยงและเงินอัดฉีด ให้นักกีฬาตามหลักเกณฑ์ ถูกต้องทุกอย่าง และล่าสุดได้พูดคุย ทำความเข้าใจกันแล้ว โดยทั้งนักกีฬาและผู้ฝึกสอน ยอมรับโพสต์ไปด้วยความไม่เข้าใจ ส่งผลให้ผู้เกี่ยวข้อง ได้รับผลกระทบ และได้ลบโพสต์ไปเรียบร้อย โดยหลังจากนี้จะเชิญชมรมกีฬาในสังกัดสมาคมกีฬาฉะเชิงเทรามาหารือ แนวทางการส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาทุกระดับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก
ตามที่ นายวัสพล มะสกล นักกีฬาเพาะกายจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้โพสต์ข้อความในสื่อสังคม ออนไลน์ ชื่อบัญชี "Pop Wassapol Masakol" ระบุว่า "ปีหน้าผมไม่แข่งกีฬาแห่งชาติให้แล้ว ไปไม่คุ้มเข้าเนื้อ แข่ง 5 วัน เบี้ยเลี้ยง ไม่คุ้ม ได้แค่ 2,3xx เอง ค่าอัดฉีดเหรียญก็ไม่ได้ให้มา 2 ปี แล้ว พอ เลิกแล้ว ไม่เป็นแล้วตัวแทน จังหวัด จบครับ เป็นตัวแทนจังหวัด พอได้เหรียญรางวัลมา จังหวัดได้ผลงาน แต่นักกีฬาอย่างผม ได้อะไรครับ ไม่ได้ และยังไม่มีค่าต่อจังหวัดอย่างงั้นเลยหรอ ผมแค่ต้องการแรงสนับสนุน เพื่อเป็นแรงผลักดันให้นักกีฬาของจังหวัดได้พัฒนาตัวเองเพราะแรงจูงใจให้แข่งตัวแทนจังหวัดต่อนะ อีกหน่อยก็ไม่เหลือแล้วตัวแทนจังหวัดที่เป็นคนจังหวัด จริง ๆ เพราะจะไปรับแข่งที่อื่นหมดแทน ฝากไว้ให้คิดครับ พี่พี่ที่ กกท จังหวัด ผมไม่มีปัญหาเลยครับ ผมเข้าใจพี่พี่เขาดี” นั้น
หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก โดยต่อมา นายวรศักดิ์ ภักดีคำ ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จังหวัดหวัดฉะเชิงเทรา ได้ออกมาชี้แจง เรื่องดังกล่าว ในประเด็นสำคัญดังนี้ ค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมการแข่งขัน กีฬาระดับชาติ กีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 48 “กาญจนบุรีเกมส์” ดำเนินการ ตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการส่งเสริมหรือการสนับสนุน เพื่อการดำเนินกิจกรรมกีฬาทั้งในระดับชาติและนานาชาติ การพัฒนานักกีฬา บุคลากรกีฬา และสมาคมกีฬา และการเตรียมนักกีฬา ดังนี้
ชนิดกีฬาเพาะกายของจังหวัดฉะเชิงเทรา มีนักกีฬา 1 คน และเจ้าหน้าที่ทีม 1 คน มีช่วงแข่งขันระหว่างวันที่ 15-19 ส.ค.66 และนักกีฬาเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 13-20 ส.ค. 66 รวมเป็นจำนวน 8 วัน (อัตราเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา วันละ 250 บาทต่อคน/วัน และเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ ทีม วันละ 300 บาท ต่อคน /วัน และค่าพาหนะเดินทางตาม อัตราค่ารถยนต์โดยสารหรือรถไฟ จากจ.ฉะเชิงเทรา ถึง จ.กาญจนบุรี เป็นเงิน 368 บาท, นายวัสพล มะสกล นักกีฬา ได้รับเบี้ยเลี้ยง 8 วัน (250x8) เป็นเงิน 2,000 บาท และค่าพาหนะ 368 บาท รวมเป็นเงิน 2,368 บาท
การมอบเงินรางวัล (เงินอัดฉีด) ของนักกีฬา สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดฉะเชิงเทรา จะมีการมอบเงินรางวัลให้แก่นักกีฬา ตามระเบียบของสมาคมฯ ในรายการกีฬาแห่งชาติประเภทบุคคล ได้แก่ เหรียญทอง 5,000 บาท, เหรียญเงิน 3,500 บาท และเหรียญทองแดง 3,000 บาท โดยนายวัสพล มะสกล ได้เข้าแข่งขันกีฬาเพาะกาย รายการฟิตเนสชาย รุ่นความสูงไม่เกิน 170 ซม. บุคคลชาย ในกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 “ศรีสะเกษเกมส์” ได้รับเหรียญเงิน และสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มอบเงินรางวัลจำนวน 3,500 บาท พร้อมทั้งโล่เชิดชูเกียรติให้แก่ นายวัสพล ในพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติแก่นักกีฬาและเจ้าหน้าที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ.2565 เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ธ.ค. 2565 ที่ร.ร.เบญจมราชรังสฤษฎ์ จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมกับนักกีฬาของจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ได้รับเหรียญรางวัลจากการ แข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 "ศรีสะเกษเกมส์" กีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 37 "นครลำดวนเกมส์" และกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 37 "พัทลุงเกมส์"
ต่อมาวันที่ 15 ส.ค. 2566 นายวรศักดิ์ ภักดีคำ ผู้อำนวยการสำนักงาน กกท. จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เดินทางไปรับชมการแข่งขัน และให้กำลังใจแก่นายวัสพล (นักกีฬา) และผู้ฝึกสอน พร้อมทั้งพูดคุยทำความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวหลังเสร็จสิ้นการแข่งขันฯ ทั้งนักกีฬาและผู้ฝึกสอน ได้รับทราบและเข้าใจ รวมถึงยอมรับว่าการโพสต์ข้อความดังกล่าวด้วยความไม่เข้าใจ ส่งผลให้ผู้เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบจากโพสต์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นสำนักงาน กกท. จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งในขณะนี้ได้ทำการลบโพสต์ดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ ตลอดช่วงการดำเนินการส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับชาติ ที่ กกท. เป็นผู้รับผิดชอบ ไม่เคยเกิดกรณีเช่นนี้มาก่อน ทางสำนักงาน กกท. จังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมกับ สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ให้การสนับสนุนด้วยดีมาตลอด หลังจากนี้ จะทำการเชิญชมรมกีฬาในสังกัด สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อพูดคุยและทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน กีฬาทุกระดับ เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาเช่นนี้ต่อไป