อส.ทพ.ณัฐวัฒน์ ชมชื่น ทำผลงานดีที่สุด ด้วยคว้าอันดับ 10 ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก และน้ำหนักรวม ส่วนท่าสแนตช์ ได้ที่ 13 ในการชิงชัยรุ่น 61 กก.ชาย ศึกไอดับเบิ้ลยูเอฟ กรังด์ปรีซ์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแมตช์เก็บคะแนนโอลิมปิก 2024 ที่กรุงฮาวานา ประเทศคิวบา
ความเคลื่อนไหวการแข่งขันยกน้ำหนักรายการ "ไอดับเบิ้ลยูเอฟ กรังด์ปรีซ์" ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรายการเก็บคะแนนโอลิมปิก 2024 ที่กรุงฮาวานา ประเทศคิวบา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 มิ.ย.66 อส.ทพ.ณัฐวัฒน์ ชมชื่น เจ้าของเหรียญเงิน ยูธโอลิมปิกเกมส์ 2018 ลงแข่งขันรุ่น 61 กก. ชาย กลุ่มบี ที่พีเอบีเอ็กซ์โป
หลังจบการแข่งขันกลุ่มเอและกลุ่มบี ปรากฏว่า อส.ทพ.ณัฐวัฒน์ ชมชื่น ยกท่าสแนตช์ได้ 113 กก. ได้อันดับ 13 ส่วนท่าคลีนแอนด์เจิร์ก ทำสถิติ 144 กก. ได้อันดับ 10 และน้ำหนักรวม 257 กก. ได้อันดับ 10 ขณะที่เหรียญทอง ท่าสแนตช์ เป็นของ ริคโก สาปุตรา จากอินโดนีเซีย 134 กก. ด้านเหรียญทอง ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก เป็นของ มอร์ริส แฮมป์ตัน มิลเลอร์ จากสหรัฐอเมริกา 166 กก. ส่วนเหรียญทอง น้ำหนักรวม ริคโก สาปุตรา จากอินโดนีเซีย 295 กก.
อส.ทพ.ณัฐวัฒน์ ชมชื่น เปิดเผยว่า การยกครั้งนี้ถือว่าพอใจ แต่ยังมีข้อผิดพลาดที่ต้องแก้ไข หลังจากนี้จะกลับไปพัฒนาศักยภาพของตนเองให้ดีมากขึ้น
ด้าน "โค้ชช้าง" จ่าสิบเอก ปัญญา เพิ่มธัญญะกิจ กล่าวว่า นักกีฬาชายมีทักษะการเล่นยกน้ำหนักอย่างดีเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว และสามารถถูกพัฒนาให้มีการเล่นอย่างมีเทคนิคที่ถูกต้องได้ดีและนิ่งขึ้นกว่านี้ได้อีก
ขณะที่ นายนิพนธ์ ลิ่มบุญสืบสาย ผู้จัดการทีม กล่าวว่า สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย มีแผนการพัฒนานักกีฬาทีมชาติไทยทุกคนในทุกมิติในทุกระดับ เพื่อเป้าประสงค์ให้นักกีฬาทีมยกน้ำหนักทีมชาติไทยเข้าสู่การชิงชัยทุกสนามทุกการแข่งขันด้วยความมุ่งมั่นและมั่นใจอย่างเต็มร้อย อันเป็นผลถึงความเชื่อมั่นและศรัทธาในผลงานของสมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ เป็นไปอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ขอชื่นชม อส.ทพ.ณัฐวัฒน์ ชมชื่น ในการปรับตัวและแก้ไขทางเทคนิคที่ผิดพลาดขณะแข่งขันได้เป็นอย่างดีตามคำแนะนำของผู้ฝึกสอน ซึ่งนักกีฬาเพิ่งถูกเรียกตัวกลับมารับใช้ทีมชาติไทยได้ประมาณ 3 เดือน ดังนั้น จึงถือเป็นการยกระดับการฝึกให้นักกีฬาชนะตนเองจากประสบการณ์จริงโดยเฉพาะการพัฒนาด้านการปรับตัว และผู้ฝึกสอนก็มีทักษะในการแก้ไขเทคนิคหน้างานอย่างทันท่วงที