"บิ๊กแนต" ยันธรรมนูญใหม่ซีเกมส์ปิดช่องโหว่โอนสัญชาติ-กันจำกัดอีเวนต์-อายุแข่ง

"บิ๊กแนต" เผยอีกว่า การเลือกชนิดกีฬาบรรจุเข้าแข่งขันในซีเกมส์ จะเป็นกีฬาสากลที่มีแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์และเอเชียนเกมส์ เป็นหลัก กลุ่มกีฬาแรก (category) หรือ แคทากอรี 1 จะเป็น กรีฑา กับ ว่ายน้ำ จากนั้นจะเป็นแคทากอรี 2 ที่จะมีอีกประมาณ 10 ชนิดกีฬา ก็จะเป็นกีฬาที่มีแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ และแคทากอรี 3 จะเป็นกีฬาที่มีในโอลิมปิกเกมส์กับเอเชียนเกมส์ ซึ่งจะเลือกได้อีกประมาณ 20-25 ชนิดกีฬา ก็ได้ ส่วนที่เป็นปัญหาแทงใจมาโดยตลอดอย่างกีฬาพื้นบ้าน จะเลือกได้ไม่เกิน 4 ชนิดกีฬา ชิงชัยได้กีฬาละ 8 เหรียญทองเท่านั้น ฉะนั้นในซีเกมส์ครั้งต่อๆ ไป เราจะไม่เห็นกีฬาพื้นบ้านที่จะมีการชิงกัน 20-30 เหรียญทอง อีกต่อไป ซึ่งทางสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) ดีใจมากที่ซีเกมส์ได้มีการแก้ไขเรื่องนี้ได้เพราะจะเป็นถนนสู่การพัฒนากีฬาอาเซียนไปสู่ระดับเอเชียนเกมส์และโอลิมปิกเกมส์ในอนาคต ซึ่งซีเกมส์ ครั้งที่ 33 นอกจากไทย ในฐานะเจ้าภาพ จะเป็นผู้เลือกชนิดกีฬาแล้ว มาเลเซีย กับ สิงคโปร์ ก็จะมาร่วมเลือกด้วย เพราะทั้งสองชาติ จะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อๆ ไป ต่อจากเรา 

"ส่วนการโอนสัญชาตินั้น ปกติธรรมนูญซีเกมส์ ก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในซีเกมส์ครั้งนี้ตนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาอย่างไร ซึ่งเขาคงอาศัยช่องโหว่หรือจุดอ่อนของธรรมนูญที่ระบุว่า นักกีฬาที่มีพาสปอร์ต แต่ไม่ได้ระบุว่าจะต้องมีพาสปอร์ตกี่ปี จึงสามารถส่งเข้าแข่งขันได้ อย่างซีเกมส์ครั้งนี้ บางชนิดกีฬามีนักกีฬาฟินแลนด์ ถึง 5 คน เป็นฝรั่งหมดเลย ก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไร เราเองก็ทำอะไรไม่ได้เลยกับช่องโหว่นี้ แต่เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นในซีเกมส์ที่ไทยอย่างแน่นอน ขอให้ทุกชาติสบายใจได้ เช่นเดียวกับการจำกัดอายุนักกีฬา และการจำกัดจำนวนอีเวนต์กีฬา ก็จะไม่มีอีกต่อไป"

"บิ๊กแนต" ยังกล่าวถึงซีเกมส์ 2025 ด้วยว่า เราจะหารือกับทางรัฐบาล เพื่อขอความช่วยเหลือ อย่างจังหวัดสงขลา ที่มีความตั้งใจอย่างมากนั้นเขาก็ขอให้ไปจัดฟุตบอล รอบแรก รวมถึงเซปักตะกร้อ และปันจักสีลัต ด้วย พร้อมยืนยันว่าพร้อมจ่ายค่าเครื่องบินให้ จากนี้จะมีการเซ็นสัญญาเจ้าภาพกันในเดือนหน้า ซึ่งมนตรีซีเกมส์ทุกชาติจะมาร่วมกับทั้ง 3 จังหวัดเจ้าภาพ คือ กรุงเทพฯ, ชลบุรี และสงขลา ด้วย