ดร.ปริวัฒน์ วรรณกลาง อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 รัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ) ได้ออกประกาศกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเรื่องให้มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติอยู่ภายใต้คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 39/2559 เรื่องการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา ลงวันที่ 12 กรกฎาคม พุทธศักราช 2559
การนำประกาศดังกล่าวมาใช้เป็นเครื่องมือในการแทรกแซงการบริหารงานของมหาวิทยาลัย โดยอ้างว่า "กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา" ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า "มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีพฤติการณ์การจงใจ หลีกเลี่ยงหรือประวิงการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับของสถาบันอุดมศึกษา หรือคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬาที่สั่งตามกฎหมายนายกสภามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติกรรมการสภามหาลัยการกีฬาแห่งชาติและผู้บริหารมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ มีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตและก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในมหาวิทยาลัยจนไม่อาจที่จะแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้ด้วยมาตรการปกติ” ซึ่งนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหาร มหาวิทยาลัยฯ เห็นว่า การกล่าวอ้างของรัฐมนตรีดังกล่าว เป็นเท็จทั้งหมดและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ที่ถูกกล่าวหา โดยจงใจเป็นการทุจริต"
ดร.ปริวัฒน์ วรรณกลาง เผยว่า จากข้อเท็จจริงดังกล่าว นายกสภามหา วิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัยและผู้บริหารมหาวิทยาลัย เห็นว่ารัฐมนตรี กลั่นแกล้งให้เกิดความเสียหาย จึงได้ประชุมร่วมกัน ได้ข้อสรุปว่า
1) การกล่าวหาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เป็นการจงใจกล่าวความเท็จ ทำให้เกิดความเสียหายแก่นายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหารมหาวิทยาลัย ดังนั้น นายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหารมหาวิทยาลัย จึงมีมติให้ดำเนินการร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการ ข้อหาทุจริตต่อหน้าที่อย่างจงใจ เนื่องจากสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย มิเคยมีพฤติกรรมดังกล่าว
2) อีกแนวทางหนึ่ง ได้ร้องเรียนไปทางสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบว่า การที่รัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬากล่าวความเท็จโดยทุจริต เพื่อนำประกาศคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 39/2539 มาใช้ แทรกแซงกิจการของมหาวิทยาลัยฯ ทำให้เกิดความเสียหายต่อส่วนตัวและมหาวิทยาลัย อีกทั้งเป็นความเสียหายต่อรัฐบาล
3) ดำเนินการฟ้องศาลปกครอง เพื่อยกเลิกประกาศกระทรวงดังกล่าว เนื่องจาก รัฐมนตรีนำความเท็จ มา กล่าวอ้าง เพื่อนำประกาศคสช.มาใช้ เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย
4) ดำเนินการฟ้องหมิ่นประมาทโดยรัฐมนตรี นำความเท็จมากล่าวอ้างว่านายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัยและผู้บริหารมหาวิทยาลัย มีพฤติการณ์จงใจหลีกเลี่ยงหรือประวิงการปฏิบัติตามกฎหมายกฎระเบียบข้อบังคับของสถาบันศึกษาหรือคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬาสั่งตามกฎหมาย มีพฤติการณ์ และก่อให้เกิดความขัดแย้งในมหาวิทยาลัย ซึ่งข้อกล่าวอ้างทั้งหมด เป็นเท็จ ก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อชื่อเสียงของนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย
"สำหรับการยื่นหนังสือเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 สำนักงานปลัดสำนักงานนายกรัฐมนตรี ไปเมื่อวันที่ 17 มี.ค.เรื่องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาปฎิบัติหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีการยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (สำนักงานบริหารงานกลาง) ไว้เป็นที่เรียบร้อยในวันที่ 17 มี.ค.ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ก็เตรียมทำเรื่องฟ้องต่อสื่อที่ลงบทความอันเป็นเท็จทำให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อไป" ดร.ปริวัฒน์ วรรณกลาง กล่าวทิ้งท้าย