กสทช.ยันกกท.ไม่ถ่ายสดซีเกมส์ไม่ผิดเตรียมแก้"มัสต์แฮฟ"เปิดทางเอกชนลงทุน

กสทช.ยันกกท.ไม่ถ่ายสดซีเกมส์ไม่ผิดเตรียมแก้"มัสต์แฮฟ"เปิดทางเอกชนลงทุน
กสทช.ยืนยันกกท.ไม่ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา สามารถทำได้ และไม่มีความผิด หากเห็นว่าราคาค่าลิขสิทธิ์สูงเกินความเป็นจริง เผยกำลังเร่งทบทวนปรับแก้ หรืออาจยกเลิก กฎมัสต์แฮฟ และ มัสต์แครี่ ที่เจ้าของลิขสิทธิ์ต้องถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬา 7 รายการให้คนไทยต้องดูฟรีเมื่อซื้อมา หลังที่ผ่านมาสร้างปัญหาต่อการดึงภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุน

ความคืบหน้าเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 "แคมโบเดีย 2023" ซึ่งจะมีขึ้นที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 5-17 พ.ค.นี้ โดยในส่วนของการถ่ายทอดสดการแข่งขันนั้น ประเทศไทย โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กำลังเจรจากับเจ้าภาพกัมพูชา เพื่อขอให้ลดค่าลิขสิขสิทธิ์ที่ตั้งไว้สูงถึง 800,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 27.6 ล้านบาทลงอีก ซึ่งก่อนหน้านี้ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ได้เรียกร้องให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ทบทวนยกเลิกกฏ "มัสต์แฮฟ" (Must Have) เพราะเห็นว่าเป็นต้นตอปัญหาในการดึงภาคเอกชนร่วมลงทุนในการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬา 7 รายการที่คนไทยต้องดูฟรี ประกอบด้วย ซีเกมส์, อาเซียนพาราเกมส์, เอเชียนเกมส์, เอเชียนพาราเกมส์, โอลิมปิกเกมส์, พาราลิมปิกเกมส์ และฟุตบอลโลกนั้น

เกี่ยวกับประเด็นนี้ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. ซึ่งนายไตรรัตน์ ระบุว่า กรณีของการพิจารณาประเด็นปัญญาของกฏ "มัสต์แฮฟ" ที่ขัดแย้งกับธุรกิจกีฬาโลกนั้น บอร์ด กสทช. มีความเห็นให้ตั้งคณะทำงาน 1 ชุดโดยมี น.ส.มณีรัตน์ กำจรกิจการ รักษาการรองเลขาธิการ กสทช. เป็นประธานเพื่อศึกษาข้อมูลต่างๆ อย่างรอบด้าน ซึ่งคณะกรรมการชุดใหญ่รอฟังข้อสรุป ก่อนจะพิจารณาตัดสินใจต่อไป 

ด้าน น.ส.มณีรัตน์ กำจรกิจการ รักษาการรองเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า ประเด็นเรื่องที่ กกท. ระบุว่า กสทช. บีบบังคับให้ กกท. ดำเนินการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชานั้น น่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันเพราะก่อนหน้านี้ กสทช. เชิญ กกท. และคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ มาหารือและชี้แจงทำความเข้าใจกฏ "มัสต์แฮฟ" และ "มัสต์ แครี่" ซึ่งทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันว่า 

"สำหรับการบังคับใช้ของกฏ "มัสต์ แฮฟ" และ "มัสต์ แครี่" จะเริ่มต้นก็ต่อเมื่อลิขสิทธิ์ถูกซื้อมาดำเนินการในประเทศไทย แต่ตราบใดที่ไม่มีการซื้อเข้ามา กฏดังกล่าวก็ไม่ได้บังคับใช้ หรือสรุปง่ายๆ ว่า ถ้าประเทศไทยไม่ซื้อถือว่า ไม่ได้มีความผิดอะไร  แต่ถ้าซื้อมาแล้ว ต้องถ่ายทอดสดให้คนไทยได้รับชมตามช่อง

ทางต่างๆ ที่ระบุไว้แบบไม่เสียเงินค่ารับชม อย่างไรก็ตามไม่ทราบว่าทาง กกท. จะดำเนินการซื้อลิขสิทธิ์หรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของ กกท. ซึ่งแจ้งไว้คร่าวๆ ว่า กำลังหางบประมาณ และจะขอจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ" 

น.ส.มณีรัตน์ เผยอีกว่า การพิจารณาทบทวนยกเลิก หรือไม่ยกเลิกกฏ "มัสต์แฮฟ" นั้น จะยึดหลัก 1.ตลาดเรื่องกีฬามีการแข่งขันกันสูง, 2.ประกันการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน, 3. วิถีของวงการกีฬาของโลก และ 4.กรอบ กติกา ที่ถือปฏิบัติกันทั่วโลก การจะดำเนินการแก้กฏ "มัสต์แฮฟ" หรือถอดกีฬาใดกีฬา

หนึ่งออกจาก "มัสต์แฮฟ" ต้องทำการรับฟังความเห็นสาธารณะ ต้องพิจารณาผลกระทบทุกภาคส่วน โดยคณะทำงานจะหาสรุปประเด็นดังกล่าวอย่างเร็วที่สุดเพราะเข้าใจดีว่าเป็นประเด็นที่สังคมจับตามอง เมื่อคณะทำงานศึกษาข้อมูลได้สรุปเสร็จจะต้องทำเสนอเข้าที่ประชุมอนุกรรมการโทรทัศน์เพื่อพิจารณา, ดำเนินการรับฟังความเห็นสาธารณะ ใช้เวลา 45 วัน จากนั้นจะเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการอีก 3 ชุด เพื่อจัดทำร่างและเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดเพื่อลงมติ ก่อนจะลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport