ทีมสอบตีกรอบผจก.กองทุนฯตอบ7ข้อสงสัยปมใช้เงินผิดหลัก-ผลประโยชน์ทับซ้อน

ทีมสอบตีกรอบผจก.กองทุนฯตอบ7ข้อสงสัยปมใช้เงินผิดหลัก-ผลประโยชน์ทับซ้อน
คณะกรรมการแสวงหากข้อเท็จจริง ตีกรอบ ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ตอบ 7 ประเด็นข้อสงสัย กรณีมีผู้ร้องเรียนปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อาทิ เรื่องการมีผลประโยชน์ทับซ้อน, ใช้เงินผิดประเภท, เปลี่ยนวิธีเบิกจ่ายเงิน, ไม่ปฎิบัติงานตามสัญญาจ้าง ซึ่งเกี่ยวพันกับการเรียนหลักสูตร วปอ. รวมถึงมีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กรที่ตนเองเคยก่อตั้งก่อนเข้ารับตำแหน่ง และจัดกีฬามวยไทยกับคิกบ็อกซิ่ง โดยใช้เงินจำนวนมหาศาล

ตามที่คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงของ กกท. กรณีที่มีผู้ยื่นเรื่อง ตรวจสอบการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ที่มีปัญหาถูกร้องเรียน การจัดสรรงบประมาณให้สมาคมกีฬาต่างๆไม่เป็นธรรม จากที่ผู้ร้อง ร้องเข้ามาทั้งหมด 11 ข้อ ตีกรอบเหลือพิจารณา 7 ประเด็น มีทั้งเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน นำบุตรและเครือญาติ มาทำงานในองค์กรเดียวกัน, ใช้เงินผิดประเภท ไม่ตรงวัตถุประสงค์, สั่งเปลี่ยนแปลงวิธีเบิกจ่ายเงิน, ไม่ทำงานตามสัญญาจ้าง ซึ่งเกี่ยวพันกับการไปเรียน วปอ., ออกหนังสือเชิญประชุมโดยไม่มีอำนาจ, มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กรที่ตนเองเคยก่อตั้งก่อนเข้ามารับตำแหน่ง และ จัดกีฬามวยไทย คิกบ็อกซิ่ง โดยใช้เงินมหาศาล ขัดระเบียบกองทุนฯ โดยทั้งหมดนี้ ยังเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้อง เข้ามาชี้แจงและหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนจะมีการพิจารณา ซึ่งในขั้นตอนนี้ ยังไม่ถือว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น

หลังจากนั้น มีผู้ร้องทุกข์ ทำหนังสือ ถึงผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ลงวันที่ 30 พ.ย. 2565 กรณีได้รับผลกระทบจากการปฎิบัติหน้าที่ของผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ขอให้ผู้ว่าการกกท. ดำเนินการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อร้องเรียน และระงับการทำหน้าที่ของผู้จัดการกองทุนฯ เพื่อไม่ให้ความเสียหาย โดยผู้ว่าการกกท. ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ ลงเลขรับ 23296 วันที่ 7 ธ.ค. 2565 ต่อมา ดร.ก้องศักด ยืนยันว่า กระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริงในครั้งนี้ จะทำอย่างตรงไปตรงมาและจริงจัง เพราะข่าวที่ออกไปกระทบต่อภาพลักษณ์ของทั้ง กกท.และกองทุนฯ 

ทั้งนี้ขั้นตอนแสวงหาข้อเท็จจริง อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยให้ผู้ถูกร้องเข้ามาชี้แจงทุกประเด็นกับทีมที่ปรึกษาของผู้ว่าการกกท. และเมื่อได้ผลออกมาเป็นเช่นไร กกท. จะแถลงให้สมาคมกีฬา ได้รับทราบ พร้อมกับทำสรุปส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งให้ความสนใจในเรื่องนี้ ด้วยการส่งทีมงานมาสอบถามถึงกกท. ผ่านไปทาง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานบอร์ดกองทุนฯได้รับทราบทันทีด้วย 

สำหรับคณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริง ที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้ว่าการกกท. ซึ่งมี นายมนตรี ไชยพันธุ์ เป็นประธานคณะทำงาน นายสมพร ไชยสงคราม เป็นคณะทำงานและเลขานุการ, นายวิษณุ ไล่ชะพิษ และ นายเดชาวุฒิ บุญสนอง เป็นคณะทำงาน ได้มีการประชุมกันมาอย่างต่อเนื่อง 

ล่าสุดมีรายงานข่าวระบุว่า จากที่ผู้ร้อง ร้องเข้ามาทั้งหมด 11 ข้อ คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริง ได้ตีกรอบการทำงานให้กระชับขึ้น โดยเหลือการพิจารณาใน 7 ประเด็น ได้แก่ เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน นำบุตรและเครือญาติ มาทำงานในองค์กรเดียวกัน ซึ่งเน้นไปที่กองทุนฯ, ใช้งบประมาณผิดประเภท ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เช่น การจัดสรรงบประมาณให้กับอิฟม่า, สั่งเปลี่ยนแปลงวิธีการเบิกจ่ายงบประมาณ SOP

นอกจากนี้ยังมีประเด็นไม่ทำงานตามสัญญาจ้าง เดินทางไม่ขออนุญาต และไปทำงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง, ออกหนังสือเชิญประชุมโดยไม่มีอำนาจ, มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กรที่ตนเองเคยก่อตั้งและดำรงตำแหน่ง ก่อนเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการกองทุนฯ อีกทั้งมีการจัดกีฬามวยไทย กีฬาคิกบ็อกซิ่ง โดยใช้เงินจำนวนมหาศาล ซึ่งขัดแย้งกับระเบียบกองทุนฯ และงบประมาณหลายรายการไม่มีที่มาที่ไป ซึ่งจากข้อพิจารณาทั้ง 7 ประเด็นนี้ คณะทำงานยังเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้อง เข้ามาชี้แจงและหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกร้องมากที่สุด ก่อนจะมีการพิจารณา ซึ่งในขั้นตอนนี้ ยังไม่ถือว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น

สำหรับประเด็น ไม่ทำงานตามสัญญาจ้าง เดินทางไม่ขออนุญาต และไปทำงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง ในเรื่องนี้ มีรายงานข่าวระบุ มีความเกี่ยวพันกับการไปเรียน วปอ. ทั้งยังไม่ชัดเจนว่ามีการขออนุญาตหรือไม่ ทำให้สังคมคนกีฬา ตั้งข้อสังเกตุกันมากว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อสัญญาจ้างผู้จัดการกองทุนฯ ข้อ 5.3 ซึ่งทำไว้เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2563 หรือไม่ 

ทั้งนี้ในข้อ 5.3 ดังกล่าว ระบุไว้ว่า ผู้รับจ้างจะต้องปฎิบัติงานในตำแหน่งผู้จัดการ โดยใช้ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ของผู้รับจ้างอย่างเต็มที่ โดยจะอุทิศตนและเวลาทำงานให้แก่กองทุนเต็มเวลา เพื่อส่งเสริมให้การดำเนินงานของกองทุน ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่สูงสุด และจะปฎิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและโปร่งใส ไม่แสวงหาหรือรับประโยชน์ใดๆจากบุคคลอื่น ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม อีกทั้งจะไม่ประพฤติตนให้เกิดความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงและเกียรติภูมิของกองทุน และจะไม่ประพฤติตนในทางที่เป็นการเสื่อมเสียต่อความน่าเชื่อถือในสังคม 

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. เผยว่า  ขั้นตอนการแสวงหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ซึ่งดำเนินการโดย คณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง ยังคงดำเนินการไป พร้อม ๆ กับให้ผู้ถูกร้อง ได้ชี้แจงในทุก ๆ ประเด็นอย่างเต็มที่ เนื่องจากกระบวนการนี้ ยังไม่ถือว่าผู้ถูกร้อง มีความผิดแต่อย่างใด ซึ่งข้อมูลที่คณะกรรมการฯ ได้รับจากผู้ถูกร้อง จะนำมาประกอบการพิจารณาในแต่ละประเด็นอีกครั้ง ก่อนสรุป เพื่อนำเสนอต่อทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานบอร์ดกองทุนฯ รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีการสอบถามผ่านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มาอย่างต่อเนื่อง และพร้อมจะเปิดเผยให้สมาคมกีฬาต่าง ๆได้รับทราบต่อไป



ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport