ตำรวจไซเบอร์เร่งล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงิน "ต๋อง ศิษย์ฉ่อย" 3.2 ล้านบาทเข้าตาราง เจ้าตัวเผยนอกจากตำรวจไซเบอร์ที่ช่วยเต็มกำลังแล้ว เจ้าหน้าตำรวจอีก 3 สถานีก็กำลังเร่งสืบ หวังลากคอคนร้ายมาดำเนินคดี รับพลาดเองที่หลวมตัวคุย จนเสียรู้ ยกเรื่องนี้เป็นกรณีศึกษา ไม่อยากเห็นเกิดกับใครคนไหนอีก วอนเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทำงานอย่างจริงจังเพื่อจัดการปัญหานี้ให้หมดไป หากไม่ต้องการให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในสังคมไทย
ความคืบหน้ากรณี นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม หรือ "ต๋อง ศิษย์ฉ่อย" ตำนานสนุกเกอร์ไทย ที่เพิ่งคว้าเหรียญทองสนุกเกอร์ ประเภทชายคู่ กีฬาซีเกมส์ 2023 ที่กัมพูชา ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน 10 ครั้ง เพื่อให้ยืนยันว่าตนเองไม่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดและคดีฟอกเงิน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3.2 ล้านบาท โดยหลังเกิดเรื่อง เจ้าตัวได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว
ล่าสุดเมื่อ 19 พ.ค.66 "ต๋อง ศิษย์ฉ่อย" ได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า "ล่าสุดตนได้รับข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีวังทองหลางว่ายังคงมีหลักฐานบางชิ้นตกหล่น ตนได้รีบนำเอาเข้าไปให้แล้ว ขณะเดียวกันได้คุยกับตำรวจไซเบอร์ระดับผู้การแล้ว ท่านได้ยืนยันว่าจะช่วยตามเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 2-3 สถานีที่รับเรื่องตามคดีนี้อยู่ สำหรับเรื่องนี้ ตนอยากให้เป็นกรณีตัวอย่าง เนื่องจากตนเป็นคนของประชาชน และก็เป็นนักกีฬาด้วย ก็ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับใคร"
"มันเป็นอะไรที่พูดไม่ถูกเหมือนกัน ผมไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะโดนกับตัวเอง ผมเองไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดกับใคร อยากประณามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่าชั่วมาก ที่สามารถทำให้คนอื่นเดือดร้อน สำหรับผมอยากให้ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำงานกันอย่างจริงจัง ป้องกันไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดกับคนไทย"
ต๋อง ศิษย์ฉ่อย เผยอีกว่า "หลังจากวันนั้นที่ผมโดนหลอกไป 3.2 ล้านบาท ตนยังโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรเข้ามาหาอีก 10 กว่าเจ้า สำหรับตนอยากจะให้เรื่องนี้เป็นกรณีตัวอย่าง เป็นอุทาหรณ์ อะไรที่ไม่ชอบมาพากล อย่ากด อย่าโอน และไม่ต้องคุย สำหรับตนเองถือว่าพลาดเป็นอย่างมากที่หลงกลคุยจนโดนหลอก เงินทองทุกบาททุกสตางค์ที่ตนหาหามาด้วยความสุจริต และกว่าจะหามาได้แต่ละบาทต้องใช้เวลา แต่มาเจอแบบนี้เหมือนกับตัวเองเจอเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านเลยจริงๆ"