แฟนสอยคิวคงจำกันได้ดี หลังจากเมื่อเดือนก่อน เวิลด์สนุกเกอร์ทัวร์(WST) ได้แจ้งอย่างเป็นทางการว่า รายการเตอร์กิชมาสเตอร์ส 2023 ที่ตามโปรแกรมเดิมจะต้องดวลคิวระหว่างวันที่ 13-19 มีนาคม ณ นครอันตัลยา ประเทศตุรกี มีอันต้องยกเลิก เนื่องด้วยปัญหาไร้ผู้สนับสนุนงบประมาณจัดการแข่งขัน นับเป็นข่าวร้ายอย่างสุดช็อกที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ทั้งๆที่ศึกเตอร์กิชมาสเตอร์ส ประสบความสำเร็จอย่างสูง ในการจัดครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว
และจากการที่ฝั่งตุรกี แจ้งยกเลิกจัดศึกเตอร์กิชมาสเตอร์ส 2023 ก่อนที่จะถึงเวลาแข่งไม่ถึง 2 เดือนนี้เอง ส่งผลให้ผู้บริหารองค์กรคิวโลก ต้องปวดเศียรเวียนเกล้าไปตามๆกัน
เพราะมันไม่ง่ายเลย ที่จะต้องหารายการใหม่ขึ้นมาแทน เพื่อให้นักสอยคิวในทัวร์จำนวนร้อยกว่าชีวิต ได้มีทัวร์นาเมนต์ล่าเงินรางวัลเพื่อประทังชีวิตกัน ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า รายการใหม่นี้ ต้องมีเงินรางวัลไม่น้อยกว่าศึกเตอร์กิชมาสเตอร์สที่หายไป
โดยศึกเตอร์กิชมาสเตอร์ส มีเงินรางวัลให้ชิงชัยรวมทั้งสิ้น 500,000 ปอนด์(ราวๆ 21 ล้านบาท) ผู้ที่คว้าแชมป์จะได้รับทรัพย์มูลค่า 100,000 ปอนด์(ประมาณ 4.1 ล้านบาท)
เดิมที ได้มีการวิเคราะห์กันว่า รายการที่ว่า น่าจะถูกจัดขึ้นที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากช่วงเวลาของการแข่งขัน ต่อจากศึก 6 แดงชิงแชมป์โลก 2023 ที่บ้านเราเป็นเจ้าภาพพอดี
ดังนั้น เมื่อนักสอยคิวหลายๆคน เสร็จภารกิจจากศึก 6 แดงโลกที่ประเทศไทยระหว่างวันที่ ระหว่างวันที่ 6-11 มีนาคมนี้ ก็หอบคิวคู่ใจบินไปทำศึกทัวร์นาเมนต์ใหม่ ที่แดนมังกรในสัปดาห์ถัดไปแบบต่อเนื่องทันที ซึ่งไทยกับจีนก็ไม่ได้ห่างกันมากนัก ใช้เวลาเดินทางไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง
อีกทั้ง จีนเป็นเพียงไม่กี่ประเทศนอกจากเกาะอังกฤษ ที่สามารถจัดทัวร์นาเมนต์เงินรางวัลสูงพอ ที่จะเข้ามาแทนศึกเตอร์กิชมาสเตอร์สได้
ทว่า ไปๆมาๆ จีนไม่พร้อมที่จะจัดการแข่งขัน อาจจะด้วยเวลาที่กระชั้นชิด หรือเป็นผลกระทบที่มาจากเหตุการณ์อื้อฉาวจน 10 นักสอยคิวจีนถูกห้ามแข่ง
ด้วยเหตุฉะนี้ เวิลด์สนุกเกอร์ทัวร์(WST) จึงได้จัดรายการใหม่นี้ขึ้นมาเอง นั่นก็คือศึกดับเบิลยูเอสที คลาสสิค 2023 (WST Classic 2023) ระหว่างวันที่ 16-22 มีนาคม ที่มอร์นิ่งไซด์อารีน่า เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
ทว่าปัญหาที่จะตามมา มันอาจกลายเป็นดราม่าได้ เนื่องจากรายการนี้ มีเงินรางวัลให้ชิงชัยรวมทั้งสิ้น 427,000 ปอนด์(ประมาณ 18 ล้านบาท) โดยแชมป์ได้เพียง 80,000 ปอนด์(ราวๆ 3.3 ล้านปอนด์) เท่านั้น
นับเป็นเงินรางวัลที่ได้น้อยกว่าศึกเตอร์กิชมาสเตอร์ส และคะแนนสะสมอันดับโลก ก็จะได้น้อยกว่าศึกเตอร์กิชมาสเตอร์สตามไปด้วย เนื่องจากการคิดคะแนนสะสมของนักสอยคิวแต่ละคน ก็จะคิดตามจำนวนเงินรางวัลที่ได้ในแต่ละทัวร์นาเมนต์นั่นเอง อย่างเช่นแชมป์รายการนี้ได้ 80,000 ปอนด์ ก็จะได้คะแนนสะสม 80,000 แต้มเป็นต้น
ด้านจำนวนเงินรางวัลที่น้อยกว่าศึกเตอร์กิชมาสเตอร์ส อาจไม่เป็นปัญหามากนัก เพราะการได้แข่งในอังกฤษ มันมีข้อดีตรงที่ช่วยให้นักสอยคิวในทัวร์ เซฟค่าใช้จ่ายในเรื่องที่พักและค่าเดินทางไปแข่งขันที่ตุรกี เรียกได้ว่า พอหยวนๆทดแทนกันไปได้ แต่ในส่วนของคะแนนสะสม ที่ได้น้อยกว่าศึกเตอร์กิชมาสเตอร์ส เชื่อว่ามีนักสอยคิวจำนวนมาก ไม่โอเคอย่างแน่นอน
เนื่องจากศึกดับเบิลยูเอสทีคลาสสิค 2023 จะเป็นรายการสุดท้ายที่จะให้จอมคิวในทัวร์แต่ละคน ได้โกยคะแนนสะสมเพื่อลุ้นคว้าโควตาไปดวลคิวในศึกใหญ่อย่างทัวร์แชมเปี้ยนชิพ 2023 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-2 เมษายนนี้ ที่เมืองฮัลล์ ประเทศอังกฤษ
รายการดังกล่าว แชมป์ได้เงินรางวัลถึง 150,000 ปอนด์(ประมาณ 6.3 ล้านบาท)เลยทีเดียว แต่คนที่จะเข้าไปบรรเลงเพลงคิวในศึกนี้ได้ ต้องมีคะแนนสะสมเฉพาะฤดูกาลปัจจุบัน(one year ranking) ที่ดีที่สุดในอันดับ 1-8 เท่านั้น เท่ากับว่าคนที่คว้าแชมป์ดับเบิลยูเอสทีคลาสสิค แทนที่จะได้คะแนนสะสม 100,000 คะแนน กลับได้เพียง 80,000 แต้ม เสียโอกาสไปถึง 20,000 คะแนนเลยทีเดียว
จึงมีหลายคน ที่หมดสิทธิ์ได้ตั๋วไปดวลคิวในศึกทัวร์แชมเปี้ยนชิพเป็นที่แน่นอนแล้ว ต่อให้คว้าแชมป์ดับเบิลยูเอสทีคลาสสิคมาครอง คะแนนสะสม one year ranking ก็มีไม่เพียงพอที่จะติดท็อป 8 นั่นเอง อาทิ จอห์น ฮิกกินส์, สจวร์ต บิงแฮม, เดวิด กิลเบิร์ต และอีกมากมาย รวมไปถึง 3 นักสอยคิวชาวไทยอย่าง "เอฟวัน" เทพไชยา อุ่นหนู, "แจ๊ค สระบุรี" เดชาวัต พุ่มแจ้ง และ "มิ้งค์ สระบุรี" ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย
เรียกได้ว่า นักสอยคิวไทยมีเพียง "หมู ปากน้ำ" นพพล แสงคำ มือ 31 ของโลก (อันดับ 22 one year ranking) แค่คนเดียว ที่ยังพอมีโอกาสคว้าตั๋วอันล้ำค่าไปดวลคิวศึกทัวร์แชมเปี้ยนชิพ 2023 แต่ต้องคว้าแชมป์ดับเบิลยูเอสทีคลาสสิคมาครองเท่านั้น แถมยังต้องลุ้นให้ผลการแข่งขันคู่อื่นเป็นใจด้วย
ถิรพัฒน์ ณ ลำปาง