ปี 2022 ที่เพิ่งผ่านไป นับเป็นอีกศักราช ที่มีเหตุการณ์น่าสนใจ เกิดขึ้นในวงการคิวโลกมากมาย ทั้งเรื่องที่ดีและโมเมนต์ที่ไม่น่าประทับใจ
ตลอดปีเสือที่ผ่านมา ถือว่ามีเกมการแทงบนโต๊ะผ้าสักหลาดในเวทีคิวโลก ที่เป็นแมตช์แห่งความทรงจำของแฟนสนุกเกอร์จำนวนมากมาย
แต่หากให้เลือกเกมการต่อสู้ ที่ดุเดือดเลือดพล่านและสมศักดิ์ศรีที่สุด ชนิดที่นักสนุกเกอร์ทั้ง 2 ฝ่ายต่างสู้กันยิบตา ในแบบไม่มีใครยอมใคร จนคอสอยคิวทั้งหลาย ต้องลุ้นกันตัวโก่งกระทั่งถึงวินาทีสุดท้าย
เชื่อว่าหลายคนคงต้องนึกถึง 2 แมตช์นี้ อันประกอบด้วย เกมรอบรองชนะเลิศของศึกชิงแชมป์โลก 2022 ซึ่งเป็นแมตช์ที่ จัดด์ ทรัมป์ เฉือนชนะ มาร์ค เจ วิลเลียมส์ 17-16 เฟรม และรายการทัวร์แชมเปี้ยนชิพ 2022 รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ นีล โรเบิร์ตสัน พลิกนรกจากการตามหลัง 4-9 เฟรม ไล่กะซวก 6 เฟรมสุดท้าย จนกลับมาสยบ จอห์น ฮิกกินส์ อย่างเหลือเชื่อ 10-9 เฟรม
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาทั้ง 2 แมตช์ดังกล่าวอย่างละเอียดและถี่ถ้วนแล้ว ขอตัดสินใจเลือกแมตช์ตัดเชือกศึกชิงแชมป์โลก 2022 ระหว่าง ทรัมป์ กับ มาร์ค เจ ให้เป็นคู่ที่สู้กันดุเดือดระทึกใจที่สุดในรอบปี 2022 ก็แล้วกัน
เนื่องจากบรรยากาศการขับเคี่ยวของทั้งสองฝ่าย ต่างดวลกันแบบถึงพริกถึงขิง จนสถานการณ์พลิกไปพลิกมาอย่างระทึกใจ เสมือนกำลังนั่งดูหนังสยองขวัญ ที่ต้องลุ้นกันแบบวินาทีต่อวินาที เล่นเอามิตรรักแฟนคิวทั้งหลาย เกือบเป็นโรคหัวใจวายไปตามๆกัน
เริ่มเกมขึ้นมา จัดด์ ทรัมป์ ที่ช่วงนั้นฟอร์มแรงกว่า แถมยังสภาพร่างกายยังสดกว่า มาร์ค เจ วิลเลียมส์ หลายเท่า เนื่องจากอายุน้อยกว่าอีกฝ่ายถึง 14 ปี ออกสตาร์ทนำในเซสชั่นแรก(8 เฟรมแรก)ถึง 7-1 เฟรม และดูเหมือนว่าจะผ่านเข้าชิงได้ไม่ยาก
ในเซสชั่นที่ 2(อีก 8 เฟรมต่อมา) แม้สถานการณ์ของ มาร์ค เจ วิลเลียมส์ จะดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังตามหลัง ทรัมป์ ห่าง 6 เฟรมอยู่ดี(ไล่ตาม 5-11 เฟรม) โดยเซสชั่นนี้ต่างฝ่ายต่างเอาชนะคนละ 4 เฟรม
กระทั่งในเฟรมที่ 3(อีก 8 เฟรมถัดมา) เกมการแทงระทึกใจขึ้น เมื่ออดีตแชมป์โลก 3 สมัยจากเวลส์ เอาชนะเฉพาะในเซสชั่นนี้ 6-2 เฟรม จนไล่ตาม ทรัมป์ มาเหลือ 11-13 เฟรม เรียกได้ว่า ลดช่องว่างจากที่ตามหลัง 6 เฟรม ไล่จี้มาเหลือแค่ 2 เฟรมเท่านั้น จนทำให้โมเมนตั้มเกม ชักจะพลิกกลับมาอยู่กับฝั่งของ มาร์ค เจ
จากนั้นในเซสชั่นสุดท้าย(อีก 9 เฟรมสุดท้าย) จัดด์ ทรัมป์ ที่รู้ว่าเกมการแทงของคู่แข่งกำลังติดเครื่อง จึงพยายามฮึดงัดฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมาอีกครั้ง ทว่า มาร์ค เจ ที่เก๋าประสบการณ์บนสังเวียนครูซิเบิลมากกว่า ไล่มาตีเสมอ 14-14 เฟรมจนได้ แถมยังชิงพลิกสถานการณ์ขึ้นแท่นก่อนอีกต่างหาก ด้วยการนำ 16-15 เฟรม นับเป็นการนำครั้งแรกที่เขานำในแมตช์นี้ และมีโอกาสปิดแมตช์
อย่างไรก็ตาม เกมมันยังไม่จบง่ายๆเมื่อ ทรัมป์ สำแดงความหนังเหนียวออกมาบ้าง จนไล่ตีเสมอเป็น 16 เฟรมเท่ากัน จึงต้องมาชี้ชะตาวัดกันในเฟรมสุดท้าย ก่อนที่ นักสอยคิวถนัดซ้ายจากแดนผู้ดี จะพลิกสถานการณ์อีกหน จนกลับมาคว้าชัยไปได้ในที่สุด 17-16 เฟรม
หากใครยังจำกันได้ วินาทีที่ ทรัมป์ ตบแดงลูกสุดท้าย ซึ่งเป็นลูกแต้มขาด นับเป็นช็อตที่กดดันสุดๆ ลูกดูเหมือนง่ายก็จริง แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกดดันมหาศาล หากพลาดมีโอกาสโดนปล้นและมีสิทธิ์กลับมาแพ้ได้ จึงทำให้ลูกจ่อช็อตนี้ มันยากขึ้นกว่าเดิมร้อยเท่าพันเท่า ถึงขนาดที่ ทรัมป์ เน้นตบเอาแค่ลงเท่านั้น โดยไม่แคร์ตำแหน่งขาวเลยแม้แต่น้อย
ทันทีที่แดงลูกดังกล่าวลงหลุมบนขวา อดีตแชมป์โลกปี 2019 ถึงขั้นเป่าปากด้วยความโล่งทันที ชนิดยกภูเขาออกจากอกสำเร็จแล้ว ก่อนจะผ่านเข้าไปชิงกับ รอนนี่ โอซัลลิแวน ได้สำเร็จ
และจากการที่สยบชนะ มาร์ค เจ วิลเลียมส์ มาแบบเลือดตาแทบกระเด็นนี่เอง ส่งผลให้ ทรัมป์ มีสภาพร่างกายที่บอบช้ำปานกระอักเลือด จนมีอาการล้าอย่างเห็นได้ชัดในการดวลคิวรอบชิงชนะเลิศ โดยเฉพาะในช่วงเซสชั่น 1-2 ก่อนจะพ่าย รอนนี่ ไปในที่สุด 13-18 เฟรม คว้าเพียงรองแชมป์มาครอง ขณะที่ "เดอะร็อกเก็ต" เถลิงบัลลังก์ครองแชมป์โลกสมัยที่ 7 อย่างยิ่งใหญ่
-ถิรพัฒน์ ณ ลำปาง-