กำปั้นไร้ทองแต่ได้ 4โควตาโอลิมปิก

มวยสากลสมัครเล่น เป็นอีก1ความหวังของทัพนักกีฬาไทยในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน ซึ่งต้องยอมรับว่าทีมกำปั้นไทยห่างเหกินจากการคว้าเหรียญทองมานานหลายปี โดยครั้งนี้ทีมกำปั้นไทยได้ทุ่มเทกับการแข่งขันครั้งนี้มาก โดยทีมชายได้ไปเก็บตัวที่อุซเบกิสถาน และ เกาหลีใต้ ส่วนทีมหญิงไปเก็บตัวที่คาซักสถาน และ เกาหลีใต้ ก่อนหน้าการแข่งขันจะเริ่มขึ้น

สำหรับทีมชายของไทยมี 5นักชกเข้าร่วมแต่ละรุ่นคือ รุ่น51กก.ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด , รุ่น 57กก. รุตชการญ์ จันทร์ตรง ,รุ่น 63.5กก. บรรจง สินศิริ ,รุ่น 71กก.พีรภัทร์ เยียะสูงเนิน และ รุ่น 80กก.วีระพล จงจอหอ โดยมี "โค้ชอ้วน" ตะวัน มุ่งพิงกลาง เป็นหัวหน้าสต๊าฟโค้ช

ส่วนทีมหญิงมี 6 รุ่นที่ส่งคือ รุ่น 50 กก.จุฑามาศ รักสัตย์ ,รุ่น 54กก. จุฑามาศ จิตรพงศ์ ,รุ่น 57กก. พรทิพย์ บัวป่า ,รุ่น 60กก. ธนัญญา สมนึก ,รุ่น 66กก.จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง และ รุ่น 75กก. ใบสน มณีก้อน โดยมี พ.ต.ท.วิจารณ์ พลฤทธิ์ อดีตนักชกฮีโร่โอลิมปิกเป็นหัวหน้าสต๊าฟโค้ช

การแข่งขันในครั้งนี้ทางโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี ยังใช้เป็นการคัดเลือกตัวโอลิมปิกอีกด้วย ดังนั้นชัยชนะแต่ละรอบจึงมีความหมายมากนอกเหนือจากเหรียญรางวัลที่ได้รับ

นักชกไทยฝ่าด่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศได้ถึง 3 รุ่น โดยเฉพาะนักมวยหญิงเข้ามาชิงถึง 2รายคือ จุฑามาศ รักสัตย์ กับ จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง น่าเสียดายตรงที่ว่านักชกไทยต้องเจอกับนักชกจีนซึ่งเป็นมวยเจ้าภาพก็เลยทำให้ไปไม่ถึงดวงดาว โดยทาง จุฑามาศ เจอกับ หวู ยู่ นักมวยเจ้าภาพ เกมคู่นี้เป็นการชิงจังหวะสู้กัน จุฑามาศมีซ้ายนำ ส่วน หวู ยู่เปิดเกมบุกได้น่ากลัวเดินไล่ได้ลูกขยันมีหมัดชุด แลกกันสนุก จุฑามาศทำได้ก็จริงแต่ว่าขาดหมัดชุด ครบยก จุฑามาศแพ้คะแนน 0-5 ได้เพียงเหรียญเงิน

ส่วน จันทร์แจ่ม  พบกับ หยาง หลิว เจ้าของแชมป์เวิล์ดแชมเปี้ยนชิพ 2023 ซึ่งเคยชนะ จันทร์แจ่ม มาแล้วในรอบชิงชนะเลิศที่อินเดีย เกมคู่นี้ หยาง หลิว ได้เปรียบช่วงยาวกว่าชัดเจน แต่จันทร์แจ่มเดินลุยตั้งแต่แรกมีหมัดชุดไล่ต่อยแลกด้วย  นักมวยสาวจีนอาศัยช่วงที่ยาวกว่าดักต่อย1-2 เข้าเป้าแล้วกอดเอาไว้  ครบยก จันทร์แจ่มแพ้คะแนน 0-5 ได้เพียงเหรียญเงินเท่านั้น

ขณะที่นักมวยชาย ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด พบกับ ฮาซานบอย อุสมาตอฟ แชมป์โอลิมปิก 2016 ที่บราซิล และ แชมป์เวิล์ดแชมเปี้ยนชิพ 2023 ที่อินเดีย เกมคู่นี้ ฮาซานบอยได้เก๋าเกม วนออกข้างเน้นฝีมือเอาชนะ ธิติสรรณ์ 5-0ทำให้นักชกไทยได้เพียงเหรียญเงิน

สรุปผลงานของของทีมกำปั้นไทยชุดนี้ ได้3เหรียญเงิน จาก จุฑามาศ รักสัตย์ ,จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง และ ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด, 4เหรียญทองแดง ใบสน มณีก้อน, ธนัญญา สมนึก ,บรรจง สินศิริ และ รุตชการญ์ จันทร์ตรง

ขณะที่มี 4 นักชกได้โควตาโอลิมปิกเกมส์ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส 2024 มี จุฑามาศ รักสัตย์ ,ใบสน มณีก้อน ,จันทร์แจ่ม สุวรรรเพ็ง และ ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด ถึงกระนั้นก็ยังมีรอบคัดเลือกที่อิตาลี ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และ สนามสุดท้ายที่ไทย ให้นักชกไทยลุ้นตั๋วโอลิมปิกอีก ซึ่งต้องรอดูว่าไทยจะได้เพิ่มกี่ที่นั่ง

"เศรษฐา" ดัน "มวยไทย" สู่ซอฟต์เพาเวอร์โลก

หลังจากศึกใหญ่ส่งท้ายปี ONE ลุมพินี 46 ปิดฉากไปอย่างยิ่งใหญ่ โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เข้าชมการแข่งขันคู่เอกของรายการ "ซ้ายดารา" ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 2 เอาชนะ ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน

นายเศรษฐา ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีถึงการส่งเสริมมวยไทยให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์เพื่อเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไทยสู่สายตาคนทั่วโลกว่า "ผมรู้สึกยินดีที่ได้มาสนามมวยเวทีลุมพินีเพื่อรับชมศึก ONE ลุมพินี 46 ที่ วัน แชมเปี้ยนชิพ ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ก่อนอื่นผมขอขอบคุณ นายชาตรี ศิษย์ยอดธง ที่นำพา วัน แชมเปี้ยนชิพ สู่ระดับโลกและอนุรักษ์ศิลปะการต่อสู้มวยไทยอันเป็นสมบัติอันทรงคุณค่าของชาติ ในฐานะคนไทย ผมภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่มวยไทยเป็นหนึ่งในกีฬาชั้นนำที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก ในระยะหลังมานี้ อาจกล่าวได้ว่า มวยไทยกลายเป็นซอฟต์เพาเวอร์ที่ยิ่งใหญ่ของไทย และเป็นที่รู้จักมากที่สุดทั่วโลก ผมต้องการเห็นนักมวยไทย ครูมวยชาวไทย ก้าวไปสู่ระดับสากล มีโอกาสได้แข่งขันและถ่ายทอดวิชาความรู้เพื่อเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมของไทยนี้สู่สายตาชาวโลก"

ด้านนายชาตรี ศิษย์ยอดธง บอสใหญ่ค่าย ONE กล่าวว่า ขอบคุณนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ให้การสนับสนุน ONE และร่วมมือกันในการผลักดันมวยไทยซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติไทยให้กลายเป็นมรดกโลก

"ผมอยากกล่าวขอบคุณ นายกฯ เศรษฐา ที่ให้เกียรติมาที่นี่ ท่านคือนายกรัฐมนตรีของไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่เข้ามาชมการแข่งขันในสนามลุมพินี พร้อมกันนี้ผมขอขอบคุณ ผบ.ทบ. พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ สำหรับความเมตตาของท่าน วัน แชมเปี้ยนชิพ ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพไทยอย่างดียิ่ง ซึ่งทำให้มวยไทยจึงได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก รวมถึงขอขอบคุณ แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติด้วย"

สำหรับกระแสของมวยไทยได้รับกระแสตอบรับเพิ่มมากขึ้น โดยมีการตั้งงบประมาณซอฟเพาเวอร์ทั้ง 11ด้าน เป็นเงิน 5,164 ล้านบาท โดยเฉพาะสาขากีฬาสูงถึง 500ล้านบาท ซึ่งมวยไทยเป็นอันดับ1ของด้านกีฬา ที่จะมีการปันงบประมาณมาช่วยสนับสนุนให้แพร่หลายมากกว่าเดิม

วงการมวยเศร้า "เปาป้อม" ปลิดชีวิต

ข่าวเศร้าของวงการมวย เป็นเรื่องของ "เปาป้อม" ส.ต.อ.วัชรินทร์ รัชนิพนธ์ กรรมการฝีมือดีของเวทีมวยลุมพินี ตัดสินใจฆ่าตัวตาย สร้างความตกตะลึงให้กับคนวงการมวย และคาดไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 22.20 น. วันที่ 16 มิ.ย. 2566 โดยทาง พ.ต.ท.นุสรณ์ กฤติยะโชติ สว.(สอบสวน) สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุตำรวจยิงตัวตาย เหตุเกิดที่คอนโดในซอยลาดพร้าว 111 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน, แพทย์เวรสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุอาคารเอ เป็นที่พักอาศัยสูง 8 ชั้น ที่ห้องเลขที่ 58/105 ชั้น 7 พบศพ ส.ต.อ.วัชรินทร์ รัชนิพนธ์ ตำแหน่ง ผบ.หมู่จเรตำรวจ มีฉายาที่คนมวยรู้จักกันคือ "เปาป้อม" เป็นกรรมการมวยและครูมวย อายุ 33 ปี สภาพศพนอนหงายจมกองเลือดอยู่บนฟูกนอนปูกับพื้นห้อง ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงวอร์มขาสามส่วนสีดำ ใช้อาวุธปืนซิกซาวเออร์ขนาด 9 มม. ยิงเข้าขมับซ้ายทะลุขมับขวา 1 นัด มือซ้ายพาดลำตัวด้านขวา ปืนตกอยู่ใต้ข้อศอกแขนขวา จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือร่องรอยการงัดแงะ เมื่อสอบถาม น.ส.นันธิดา หนูนุ่น อายุ 37 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิตให้การว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตอยู่บ้านคนเดียว ส่วนภรรยาออกไปทำงานเป็นพนักงานธนาคารกสิกรไทย สาขาราษฎร์บูรณะ เมื่อกลับจากทำงานช่วงประมาณ 4 ทุ่ม เปิดประตูเข้าไปพบสามีเสียชีวิตแล้ว ทั้งนี้สามีไม่ได้มีปัญหาเรื่องหนี้สิน หรือการเงินใดๆ แต่มักจะเครียดจากการทำงาน และมีภาวะโรคซึมเศร้า เมื่อก่อนเคยทะเลาะและทำร้ายภรรยา แต่ช่วงหลังทำตัวดีขึ้น เคยไปหาและบอกกับหมอว่าอยากจบชีวิตตัวเอง จึงคาดว่าเป็นการทำอัตวินิบาตกรรม

สำหรับ ส.ต.อ.วัชรินทร์ รัชนิพนธ์ หรือ "เปาป้อม" ก่อนจะมาเป็นกรรมการตัดสินมวย เคยเป็นนักมวยมาก่อน เริ่มชกมวยตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ผ่านการชกมามากกว่า 150 สังเวียน ก่อนจะต้องอำลาอาชีพมวยเมื่ออายุ 18 ปี เพราะได้รับบาดเจ็บ แต่สุดท้ายก็หวนคืนวงการด้วยการเป็นครูสอนมวย และสอบเข้าเป็นกรรมการผู้ตัดสินมวยตั้งแต่ปี 2556 เปาป้อม ถือเป็นหนึ่งในผู้ตัดสินมวยที่อายุน้อยที่สุด แต่ผ่านประสบการณ์ชี้ขาดบนสังเวียนมวยมาแล้วอย่างโชกโชน และยังเป็นกรรมการผู้ชี้ขาดชาวไทยคนแรกและคนเดียวในสังเวียน ONE ลุมพินี และเวทีระดับโลก ONE การันตีความสามารถด้วยถ้วยรางวัลเกียรติยศมากมาย เช่น รางวัลผู้ตัดสินยอดเยี่ยมของสนามมวยเวทีลุมพินี และรางวัลผู้ตัดสินดีเด่นของการกีฬาแห่งประเทศไทย 2 ปีซ้อน

วงการมวยจับมือฝ่าวิกฤต 9ส.ค.

วงการมวยนับตั้งแต่เจอการระบาดของไวรัสโควิด-19 ยาวนานกว่า 3ปีทำให้เกิดปัญหาในการจัดมวยทุกเวที เนื่องจากต้องจัดในระบบปิดห้ามแฟนมวยเข้าชมการแข่งขัน โดยนักมวย ,พี่เลี้ยง และ กรรมกมาร ตลอดจนทีมงานผู้เกี่ยวข้องจะต้องมีการตรวจหาเชื้อเสียก่อน ถ้าใครผ่านถึงจะมีสิทธิ์เข้าเวทีได้

วงการมวยทุกศึกเจอกับปัญหานี้ยาวนานจนสถานการณ์เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แฟนมวยเริ่มเข้าเวทีไปชมมวยได้ แต่ยอดผู้ชมกลับน้อยลงไปไม่เหมือนเดิม เฉลี่ยนัดละ 200คน ทำให้โปรโมเตอร์ผู้จัดคิดหนัก

จนกระทั่ง3โปรโมเตอร์ของเวทีราชดำเนิน ซึ่งมี โบท เพชรยินดี ,เดียร์ เกียรติเพชร และ สมหมาย สกุลเมตตา ได้ร่วมประชุมหารือกับทางบอร์ดบริหารของเวทีราชดำเนิน ถึงแผนงานที่จะปลุกวงการมวยให้กลับมาคึกคักอีกหน โดยได้มีการจัดมวยในศึก ราชดำเนินรวมใจเพื่อแฟนมวย ในวันที่ 9 สิงหาคม ซึ่งมวยรายการดังกล่าวเป็นการประกบมวยร่วมกันของ 3โปรโมเตอร์ และที่น่าสนใจคือ ไม่มีการถ่ายทอดสดทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางทีวี. หรือเพจใดๆก็ตาม

กระแสของมวยรายการดังกล่าว เก็บค่าดูชั้นสามเพียง 500 บาทเท่านั้น ทำให้มีแฟนมวยหลั่งไหลเข้ามาชมเต็มความจุของเวที จนทำยอดค่าผ่านประตูได้มากถึง 2.8ล้านบาท ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม จนทำให้ต้องมีการจัดมวยนัดวันเกิดสนามมวยราชเนิน ครบ 78 ปี ในวันที่ 27 ธันวาคม นี้อีกโดยคู่มวยดีขึ้นกว่าเดิม ค่าตัวสูงขึ้นกว่าเดิม และที่สำคัญไม่มีการถ่ายทอดสดทุกช่องทาง เพื่อต้องการปลุกกระแสของวงการมวยให้กลับมาคึกคักอีกครั้งกับค่าดู 600บาท และ 1,200 บาท

กระแสดราม่ายอดมวยไทย กกท.

การกีฬาแห่งประเทศไทย จัดงานมอบรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมประจำปี 2566ซึ่งมีมากมายถึง 41รางวัล แต่รางวัลหนึ่งที่ถือว่ามีการพูดถึงมากมายในโลกโซเชียล ก็คือ รางวัลนักมวยไทยยอดเยี่ยม ซึ่งปีนี้ตกเป็นของ เพชรจักจั่น ช.ห้าหยัคฆ์ นักมวยในแผนสร้างของกลุ่มพลังใหม่

รางวัลนี้ทางสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย โดย "ชาติซ้าย" สมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมฯ เป็นผู้รับผิดชอบในการเสนอชื่อนักมวย โดยได้มีการเชิญผู้คร่ำหวอดในวงการมวยมาร่วมพิจารณา ซึ่งเป็นบรรดาผู้สื่อข่าวสายกีฬามวย ผู้บรรยายมวย โดยพิจารณาผลงานของนักมวยในรอบปีที่ผ่านมา (11ธันวาคม 2565 - 10ธันวาคม 2566 ซึ่งนักมวยที่ผ่านเกณฑ์จะต้องไม่ทำผิดพรบ.มวย 2542 ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ระยะเวลาในการพัก21วัน ,การขออนุญาตไปชกที่ต่างประเทศ รวมไปถึงความประพฤติบนเวที โดยจะพิจารณาผลงานของนักมวยที่ชก5ยกเท่านั้น

รอบสุดท้ายมีนักมวยที่ผ่านเข้ารอบคือ ชายหล้า ภ.หลักบุญ ,เพชรสยาม จ.ภัทรียากีฬาสยามสุรินทร์ และ เพชรจักจั่น ช.ห้าพยัคฆ์  ผลปรากฏว่า เพชรจักจั่น เป็นผู้คว้ารางวัลนี้ไปครองด้วยสถิติ ชก10ชนะ9แพ้1

เมื่อทราบข่าวว่า เพชรจักจั่น ได้รางวัลนี้ ก็เกิดกระแสวิพากวิจารณ์กว้างขวางถึงความเหมาะสม เพราะเชื่อว่าน่าจะมีนักมวยที่เหมาะสมมากกว่านี้ โดยเฉพาะการผ่านมวยของ เพชรจักจั่น ที่ผ่านมาถือว่ายังไมได้ผ่านมวยระดับบิ๊กเนมเท่าที่ควรนั่นเอง

โดยล่าสุดเมื่อเสาร์ที่ 23 ธันวาคม ในศึกจ้าวมวยไทย ที่เวทีมวยสยาม อ้อมน้อย เพชรจักจั่น ชกกับ แป๊ะยิ้ม ส.บุญมีฤทธิ์ เป็นคู่เอก ก่อนที่เพชรจักจั่นจะแพ้คะแนนขาดลอย ทำให้มีเสียงวิจารณ์มากขึ้นถึงความเหมาะสมกับรางวัลที่ได้