ปั่นจักรยานหน้าฝน ยังไงให้สนุกและปลอดภัย

ปั่นจักรยานหน้าฝน ยังไงให้สนุกและปลอดภัย
พอเข้าช่วงหน้าฝนทีไร หลายคนก็บ่นกันว่าไม่ชอบฤดูนี้เลย เพราะออกไปปั่นจักรยานก็ไม่ได้ ออกไปวิ่งก็ไม่ได้ ปั่นจักรยานบนเทรนเนอร์ก็น่าเบื่อ หันไปทางไหนก็ดูอึมครึม บรรยากาศเหงาๆ เทาๆ อารมณ์ To feel blue ว่างั้น... ยิ่งเป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ก็หนักหน่อย เพราะการจราจรที่ติดอยู่แล้วก็ติดหนักขึ้นไปกันใหญ่ หลายคนไม่อยากออกไปไหน บอกแต่ว่าให้ผ่านพ้นหน้าฝนไปก่อน...

แต่ถ้าเรารอให้หมดฝน 3-4 เดือน ความฟิตที่เคยสั่งสมมา และความกระตือรือร้นในการออกกำลังกาย ก็จะค่อยๆ หมดตามไป กว่าจะกลับมาฟิตเหมือนเดิมก็ต้องใช้เวลาอีกพอสมควร ที่จริงช่วงฤดูฝนก็มีดีอยู่เหมือนกัน เช่น อากาศสดชื่นกว่า ฟ้าดูสดใสกว่า ต้นไม้ใบหญ้าก็ดูเขียวขึ้น ฝุ่นละอองที่อยู่ในอากาศได้ถูกขจัดออกไป ทำให้เราหายใจได้เต็มปอดและสดชื่นมากขึ้นนั่นเอง 

และนี่คือ 9 ข้อ เกร็ดความรู้และเทคนิคในการปั่นจักรยานหน้าฝนอย่างไรให้สนุกและปลอดภัย

1.ติดตั้งบังโคลน (Fenders / Mudguard)


อุปกรณ์สำคัญที่ช่วยในการปั่นจักรยานหน้าฝนให้สนุก ก็คือ “บังโคลน” นี่เอง เป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องไม่ให้เสื้อผ้าเลอะเทอะจากสิ่งสกปรกที่อยู่บนพื้นผิวถนนกระเด็นขึ้นมา แล้วก็ยังช่วยลดเวลาที่ต้องล้างทำความสะอาดจักรยานหลังปั่นเสร็จอีกด้วย ในปัจจุบันบังโคลนสำหรับจักรยานก็มีมากมายหลายแบบ ทั้งที่เป็น Fenders ปลดเร็ว น้ำหนักเบา เหมาะกับจักรยานเสือหมอบ และเสือภูเขาสายลุย และประเภท Mudguard สำหรับจักรยานทัวริ่ง รถพับ และ Commuter

2.ใช้เสื้อกันฝนสำหรับจักรยาน (Waterproof Cycling Jacket)


เสื้อเจอร์ซีย์สำหรับปั่นจักรยานจะใช้เนื้อผ้าชนิดพิเศษสวมใส่แล้วสบายตัว แห้งเร็ว ระบายเหงื่อได้ดี แต่คงไม่เหมาะกับการปั่นลุยฝนที่มาพร้อมกับสิ่งสกปรก และคราบต่างๆ ที่ซักไม่ออก แต่เสื้อกันฝนที่ออกแบบมาเพื่อสวมใส่ปั่นจักรยานโดยเฉพาะนั้น จะสามารถล้างสิ่งสกปรกได้ง่าย ช่วยกันน้ำเพื่อไม่ให้ตัวเปียก แต่มีช่องระบายเหงื่อทำให้ไม่รู้สึกเหนอะหนะขณะสวมใส่ 

3.ใช้ Cycling Overshoes สวมทับรองเท้า


ทำหน้าหลักเช่นเดียวเสื้อกันฝนสำหรับจักรยานนั่นเอง คือช่วยป้องกันไม่ให้รองเท้า ถุงเท้าเปียก ยิ่งต้องปั่นติดต่อกันหลายชั่วโมง เท้าที่ชุ่มไปด้วยสิ่งสกปกรกก็อาจจะทำให้เกิดโรคเชื้อราและแบคทีเรียขึ้นได้ ส่วนหน้าที่รองคือ ช่วยปกป้องไม่ให้รองเท้า ถุงเท้าสกปกรก นักปั่นที่ใช้รองเท้าสีอ่อนยิ่งต้องพิจารณาเป็นพิเศษ 

4.เลือกใช้ยางที่ออกแบบมาสำหรับหน้าฝน


ผู้ผลิตยางในโลก ทั้งรถยนต์ มอเตอรไซค์และจักรยาน จะออกแบบยางเพื่อใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน มีการใช้เนื้อยางและส่วนผสมที่แตกต่างกันสำหรับยางแต่ละประเภท มีลายดอกยางที่แตกต่างกัน ซึ่งการเลือกใช้ยางในช่วงหน้าฝน เราก็ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมด้วยเช่นกัน เช่น Maxxis High Road นอกจากเป็นยางเสือหมอบที่ใช้ได้ดีกับทุกสภาพถนน ทุกพื้นผิวและทุกฤดู รวมถึงฤดูฝนด้วยเช่นกัน เพราะออกแบบให้หน้ายางยึดเกาะได้ดี อีกทั้งมีน้ำหนักเบา มีกันหนาม ทนทาน เรียกว่าเป็นยางชุดเดียวจบครบทุกสภาพอากาศ

5.ใช้ยางหน้ากว้างและลดลมยาง


นอกจากเราต้องเลือกใช้ยางให้เหมาะสมกับสภาพถนน ก็ควรเลือกใช้ยางที่มีกว้างขึ้นด้วยเช่นกัน เช่นขนาด 700x28c ขึ้นไป เพราะการใช้ยางหน้ากว้างจะช่วยเพิ่มพื้นผิวสัมผัสของถนนที่มากขึ้น ควบคู่ไปกับการลดลมยางให้น้อยลงกว่าปกติ 10-20 psi (แต่ไม่น้อยกว่าที่ผู้ผลิตกำหนด) ก็จะช่วยทำให้ยางยึดเกาะพื้นผิวถนนได้ดีเพิ่มขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง 

6.เลือกใช้จักรยานที่เหมาะสม


บางทีเสือหมอบ Road Bike รุ่นเก่า ที่ใส่ได้เฉพาะยางหน้าแคบ ในช่วงหน้าฝนนี้ก็อาจจะต้องเก็บเข้าตู้ไปก่อน แล้วหันมาใช้จักรยานรุ่นใหม่ๆ ที่ใส่ยางหน้ากว้างได้ เช่น Cervélo Caledonia ที่ใส่ยางหน้ากว้างได้ถึง 700x34c แถมรองรับการติดตั้งบังโคลน (Fenders) ได้อีกต่างหาก หรือไม่ก็ใช้จักรยานกราเวลไปเลยก็ได้ เพราะใส่ยางหน้ากว้างได้ถึง 700x40-45C มีให้เลือกหลายรุ่น ใช้ลุยก็ดี ขี่ในเมืองก็เหมาะ ท่องเที่ยวก็สบายๆ ขี่ง่าย ไม่ต้องกลัวหลุม ท่อ ฯลฯ ลุย รูดได้ทุกสภาพถนน 

7.ลดความเร็วลงสักนิด


ต้องอย่างลืมว่าถนนบางแห่ง มีหลุมบ่อ มีน้ำขัง และไม่สามารถคาดเดาได้ว่าหลุมที่มีน้ำขังนั้น ลึกและกว้างเพียงใด การปั่นโดยลดความเร็วลงสักหน่อยก็จะช่วยทำให้เรามองเห็นอุปสรรคต่างๆ ได้ล่วงหน้า และควรหลีกเลี่ยงพื้นผิวที่เป็นโลหะ เช่น ฝาท่อ รางรถไฟ หรือแม้แต่เส้นแบ่งถนนที่เป็นสีขาวๆ ก็อาจจะทำให้ลื่นได้ ซึ่งการที่เราปั่นช้าลงก็จะทำให้หลบหลีกและเบรกได้ทันนั่นเอง

8.เปิดไฟกระพริบทั้งหน้าและหลัง


ในช่วงหน้าฝน บางทีมีบรรยากาศขมุกขมัว คล้ายๆ ตอนพลบค่ำ ทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นไม่ชัดเจน ดังนั้นการเปิดไฟกระพริบไฟหน้าสีขาวและไฟหลังสีแดง ก็จะช่วยทำให้รถที่ผ่านไปมามองเห็นเราได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

หมายเหตุ: การปั่นจักรยานตามถนนที่มีรถสัญจรเยอะๆ แม้ฝนจะไม่ตก ก็ควรเปิดไฟกระพริบไว้ตลอดเวลาด้วยเช่นกัน เพื่อช่วยให้รถอื่นๆ เห็นเราได้ง่ายขึ้น

9.ล้างจักรยานทันที หลังปั่นลุยฝน


ทุกครั้งหลังปั่นลุยฝนต้องล้างจักรยานให้สะอาดและเช็ดแห้งทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน นอกจากช่วยป้องกันคราบสกปรกต่างๆ ยังป้องกันการเกิดสนิมในอุปกรณ์ชิ้นส่วนที่เป็นเหล็ก โลหะต่างๆ อีกด้วย และที่ต้องดูแลเป็นพิเศษคือ ชุดเบรก Brake Pad ใบดิสก์ ยางเบรกและขอบล้อ (สำหรับ Rim Brake) ต้องเช็ดล้างทำความสะอาดให้ดี เพราะหลายๆ ครั้งมักมีทรายและกรวดเม็ดเล็กๆ กระเด็นจากพื้นมาเกาะ ทำให้ชุดเบรกเสียหาย เกิดรอยฝังลึกที่ใบดิสก์และ/หรือที่ขอบล้อ

ข้อแนะนำต่างๆ เหล่านี้ก็จะช่วยทำให้คุณสนุกกับการปั่นจักรยานหน้าฝนได้แล้ว ไม่ต้องรอให้หมดฤดูแล้วค่อยออกมาปั่น เพราะอยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวฝนครับ

โดย: เกม พัสกร



ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport