หากเทียบผลงานของ "เม" รวมถึง "หมิว" พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ รวมถึง "ครีม" บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์  3 นักกีฬาแบดมินตันไทย ซึ่งเป็นแคนดิเดตที่จะไปโอลิมปิก 2024 ถือว่าทุกคนมีความใกล้เคียงกันทั้งในเรื่องของฝีมือ รวมถึงผลงานในการแข่งขันระดับอาชีพและในนามทีมชาติ

จะว่าไปแล้ว หากใครได้เป็นตัวแทนนักกีฬาไทยคนที่ 2 ในประเภทหญิงเดี่ยว ต่อจาก "เมย์" รัชนก อินทนนท์ ที่การันตีคว้าตั๋วไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น ก็ต้องบอกว่าเหมาะสมทุกคนเช่นกัน

สุดท้ายกลายเป็น "เม" ศุภนิดา ที่ฟอร์มร้อนแรงขึ้นมาห้วงเวลาของการเก็บคะแนนโอลิมปิกเกมส์ 2024 คว้าตั๋วไปนี้มาครองได้ในแบบที่ต้องลุ้นระทึกกันถึงการเก็บคะแนนโอลิมปิกเกมส์ 2024 รายการสุดท้าย ในศึกชิงแชมป์เอเชีย 2024 ที่เมืองหนิงโป สาธารณรัฐประชาชนจีนเช่นกัน

ในรายการดังกล่าว ซึ่งแข่งขันกันไปในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์บ้านเรา โนโซมิ โอกูฮาระ อดีตแชมป์โลกปี 2017 จากญี่ปุ่น มือ 17 ของโลก คู่แข่งของ "เม" โดยตรง ที่กำลังไล่ล่าเก็บคะแนนโอลิมปิก ไม่สามารถต้านทานความยอดเยี่ยมของ อัน เซ ยอง มือ 1 ของโลก จากเกาหลีใต้ได้ แพ้ไป 1-2 เกม ตกรอบแรกหญิงเดี่ยว ในศึกชิงแชมป์เอเชีย 2024

แม้สุดท้าย ศุภนิดา ซึ่งลงแข่งขันในห้วงเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมาเช่นกัน จะพ่าย เฉิน หยู่เฟย มือ 2 ของโลก จากจีน ไป 0-2 เกม แต่ในช่วงที่ผ่านมาของการเก็บคะแนน "เม" ซึ่งทำได้ดี ทั้งการเข้ารอบชิงฯ ในศึกสเปน มาสเตอร์ 2024 เมื่อปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาได้ รวมถึงการคว้าแชมป์ ยูเอส โอเพ่น 2023 ที่สหรัฐฯ และเข้าชิงรายการไทยแลนด์ มาสเตอร์ เมื่อต้นปี 2024  ถือเป็นอีกจุดสำคัญ ที่ช่วย ศุภนิดา มีคะแนนเพิ่มขึ้น ก่อนจะคว้าโควตา โอลิมปิกเกมส์ 2024

นั่นทำให้ ศุภนิดา ในวัน 26 ปี ได้เข้าแข่งขันมหกรรมใหญ่ระดับโลก อย่างโอลิมปิกเกมส์ในรอบนี้ และก็ทำให้ทีมแบดมินตันไทย มีนักกีฬาผ่านเข้าร่วมชิงชัยรอบสุดท้ายครบทั้ง 2 คน ตามเงื่อนไข ซึ่งให้โควตานักกีฬาประเภทบุคคลเข้าร่วมชิงชัย

โอลิมปิกเกมส์ 2 ที่นั่ง แต่ทั้งคู่ต้องมีคะแนนติด  1 ใน 16 โลก ในห้วงของการเก็บคะแนนสะสม "ปารีส 2024"

"เม" ศุภนิดา เปิดเผยถึงการมีชื่อผ่านเข้าไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ปารีสว่า ดีใจและตื่นเต้นมากๆที่สามารถผ่านควอลิฟายเข้าไปแข่งขันรอบสุดท้ายที่ฝรั่งเศสได้ และได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยสู้มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก อย่าง 

โอลิมปิกเกมส์

"จริงๆการมีชื่อไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายของตัวเมอยู่แล้วด้วย รู้สึกดีใจมากๆ เพราะช่วงเวลาก่อนที่จะได้รับการการันตีว่าได้ตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์ มันมีหลากหลายอารมณ์มากๆ ทั้งช่วงที่ดีใจ เสียใจ ซึ่งก็ต้องใช้ทั้งความอดทันและเข็มแข็งเป็นอย่างมาก"

"มีช่วงเวลาที่เมเองรู้สึกหมดพลังไปเหมือนกันค่ะ จริงๆเมได้รับกำลังใจที่ดีมากๆจากคนรอบข้าง ทั้งจากครอบครัว จากพี่ๆน้องๆ คนรอบตัว ซึ่งจุดเปลี่ยนที่ทำให้เมเองได้โอกาสเข้าไปแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ ก็คงเป็นการได้ร่วมกันทำงานกับ โค้ช คิม จีฮุน อดีตนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติเกาหลีใต้ โค้ชทีมชาติไทยคนปัจจุบัน พี่ๆนักวิทยาศาสตร์การกีฬา และทีมโค้ชทุกๆท่านเลย ซึ่งทุกคนคือส่วนสำคัญที่ช่วยให้ เม ก้าวมาถึงจุดนี้ได้"

ศุภนิดา ยังร่ายถึง โค้ชคิม จีฮุน ซึ่งถือเป็นบุคคลสำคัญที่ช่วยเข้ามายกระดับการเล่นและฟอร์มของตัวเองด้วยว่า โค้ชคิม เป็นที่คนดูแลใส่ใจตนเองและนักกีฬาแต่ละคนมากๆ อย่างกับตนเองก็ดูแล ให้คำแนะนำและคำปรึกษากับตนเองทั้งเรื่องในสนาม

และนอกสนาม ซึ่งโค้ชคิม มักจะบอกกับตนอยู่เสมอว่า  ต้องมีความอดทนและมีความเข้มแข็ง ซึ่งหากยิ่งมากเท่าไหร่ก็จะเป็นแต้มต่อที่ทำให้เราเหนือกว่าคู่ต่อสู้ในสนาม

ศุภนิดา ยังเผยอีกว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่ได้ทำงานร่วมกับโค้ชคิม ตนเองมองว่า โค้ชได้เข้ามาช่วยยกระดับการเล่นของตนเองได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องสไตล์การตี ซึ่งโค้ชก็ช่วยเติมสิ่งที่เรามีอยู่แล้วให้ดีขึ้น ส่วนอะไรที่เป็นจุดบกพร่องก็ช่วยเติมเข้ามาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการเล่นของตนให้ดียิ่งขึ้น

"ปีที่แล้วที่ได้แชมป์ ยูเอส โอเพ่น 2023 ซึ่งเป็นแชมป์แรกในเวิลด์ทัวร์ มันก็เหมือนเป็นการที่เราได้ก้าวผ่านบันไดขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งได้ ก็ถือว่ารายการนั้นเป็นการสร้างความมั่นใจให้เรามากขึ้นด้วยค่ะ"

ส่วนการเตรียมพร้อมสำหรับโอลิมปิกเกมส์ 2024 ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนก.ค.นี้ ตอนนี้กำลังเริ่มพูดคุยเรื่องแผนการซ้อมกับทีมโค้ชไว้บ้างแล้ว ทีมพี่ๆนักวิทย์ฯแล้ว ว่าจะต้องเตรียมแผนต่อจากนี้อย่างไรบ้าง ส่วนการได้โอกาสเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรก พี่ๆในทีม อย่าง พี่เม หรือพี่กิ๊ฟ-พี่วิว ก็ให้คำแนะนำที่ดีมากๆกับการลงแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรก ซึ่งพี่ๆทุกคน ก็ให้เตรียมตัวเตรียมใจและเตรียมหาวิธีรับมือที่จะเจอกับบรรยากาศและความกดดันในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรก ศุภนิดา กล่าว

"เม" ยังเผยถึงโปรแกรมแข่งขันของตัวเองหลังจากนี้ก่อนเดินทางทำศึกโอลิมปิกเกมส์ ที่ฝรั่งเศสว่า หลังจบภารกิจในการแข่งขันแบดมินตันประเภททีมชิงแชมป์โลก 2024 ประเภททีมหญิง อูเบอร์คัพ ที่จีน ในช่วงวันที่ 5 พ.ค.นี้ ก็จะเดินทางกลับมาไทย เพื่อฝึกซ้อมและเตรียมแข่งขันศึกโตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น 2024 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งก็ถือเป็นรายการใหญ่มากๆสำหรับตนทั้ง 2 รายการ ซึ่งความคาดหวัง ตนเองก็ตั้งเป้าว่าอยากจะคว้าเหรียญให้ได้ในทั้ง 2 ทัวร์นาเมนต์

ศุภนิดา ยังยืนยันว่าพร้อมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในทุกๆทัวร์นาเมนต์ที่ลงแข่งขัน เพื่อโอกาสประสบความสำเร็จและชัยชนะและยังมีฝันที่อยากจะคว้าเหรียญรางวัลในศึกชิงแชมป์โลกเป็นเป้าหมายต่อไป

ขณะที่การผ่านเข้าแข่งขันในโอลิมปิก 2024 แน่นอนว่าถือเป็นฝันใหญ่ที่สำเร็จไปแล้ว แต่จะสมบูรณ์และน่าจดจำไปตลอดกาล หากเจ้าตัวสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ เข้าไปคว้าเหรียญรางวัลมาครองได้