"ไม่เคยแข่งแล้วมีผลการแข่งขันออกมาแบบนี้ เสียใจที่สุด เรารอวันนี้มาทั้งชีวิต ไม่มีคำว่าพร้อมมากไปกว่านี้แล้ว เพราะโอลิมปิกครั้งนี้ คิดว่าเตรียมตัวมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว"
คำเปิดใจที่กลั้นออกจากก้นบึ้งของหัวใจพร้อมกับรอยน้ำตาที่ไหลไม่หยุด เพราะผลแข่งขันที่ออกมาในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกครั้งแรก "ปารีสเกมส์" เป็นผลการแข่งขันสุดช็อกของ"ปรีดิ์อัญ"ชนกภรณ์ การุณยธัช ที่ทุ่มเทมาทั้งชีวิตเพื่อมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิก "ปรีดิ์อัญ" ใช้เวลาเพื่อการควอลิฟายนานถึง 12 ปี ผิดหวังซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า แต่ไม่เคยถอดใจ หรือละทิ้งฝันและเป้าหมายของตัวเองสู่สนามโอลิมปิก!!!
จนมาถึงวันที่สองคู่หู "ปรีดิ์อัญ" และอาชาคู่ใจ" ทีน่า" ต่างพากันสานฝันได้สำเร็จเป็นนักกีฬาขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวางคนแรกของไทยที่คว้าตั๋วไปลุยมหกรรมกีฬาโอลิมปิก "ปารีสเกมส์" ได้สำเร็จ
ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปี เพื่อการควอลิฟายโอลิมปิก 2023 "ปรีดิ์อัญ" และ"ทีน่า" ไม่เคยได้หยุดพัก ยิ่งในปี 2023 ทั้งคนและม้าใช้เวลาเดินทางไปแข่งขันเก็บคะแนนสนามแล้ว สนามเล่า เพื่อเก็บแต้มตุนไว้ให้เยอะที่สุด ชีวิตแทบไม่เคยอยู่ติดบ้าน แต่อยู่บนรถ และเครื่องบิน เพื่อตามล่าฝันของตัวเอง
ในวันที่ "ฝันเป็นจริง" ทีน่า ถูกวางให้พัก หลังกรำศึกหนักมานาน บวกกับเกมระดับโอลิมปิก มันเป็นเกมที่ใหญ่เกินไปสำหรับ "ทีน่า" ระหว่างที่ควอลิฟาย "ปรีดิ์อัญ" จึงได้รับการสนับสนุนอาชาตัวใหม่มาจากผู้สนับสนุน "แม็กซ์วิน" คือ "ดีไลลา" อาชาที่มีความพร้อมในเกมระดับโอลิมปิกผ่านการฝึกกระโดด 160 ซม. มาแล้ว แต่ม้าเมื่อเปลี่ยนเจ้าของก็ต้องมาทำความรู้จักกันใหม่ กว่า"ปรีดิ์อัญ" จะเอา "ดีไลลา" แข่งได้ต้องใช้เวลาฝึกและทำความรู้จักกันนานกว่า 1 ปี เมื่อ"ดีไลลา" พร้อมก็พาออกแข่งจากรายเล็กๆ จนถึงรายการใหญ่ ซึ่ง ดีไลลา ก็ไม่เคยเตะเครื่องเลย นั้นยิ่งตอกย้ำความพร้อมของ ดีไลลา ที่จะออกไปลุย"ปารีสเกมส์"
แต่..ไม่เคยมีอะไรได้มาง่ายๆ สำหรับ"ปรีดิ์อัญ" ดีไลลา จากไปเพราะประสบอุบัติเหตุจากการแข่งขันเพื่อควอลิฟายม้าสู่"ปารีสเกมส์" ปรีดิ์อัญข้อเท้าหักพักนานถึง 3 เดือนมีเวลาเหลือเพียงแค่ 1 เดือนสำหรับ"ปารีสเกมส์" และภาระอันหนักอึ้งกลับมาตกที่ "ทีน่า" ต้องกลับไปลุย"ปารีสเกมส์" แทน" ดีไลลา"
3 เดือนที่ "ทีน่า"ห่างหายจากสนามแข่งขัน เพื่อให้เพื่อนซี้หาย "ทีน่า" ไม่ได้ลงสนามแข่งเลย และ 2 สนามที่แข่งก่อนโอลิมปิกก็เป็นเพียงสนามเล็ก เมื่อ"ทีน่า" ลงสนามใหญ่ในโอลิมปิก ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่หวัง "ทีน่า" กลัวผู้คนจำนวนมาก กลัวกล้อง ไม่โฟกัสที่เครื่อง แต่ระแวงมองหาแต่กล้อง "ปรีดิ์อัญ" พยายามให้ "ทีน่า" หายตื่น กลัว แต่มันไม่มีผล 2 หัวใจที่เคยหลอมให้ "เป็นหนึ่ง" กำลังเดินกันไปคนละทาง!!!!
2 นักกีฬา 2 ชีวิตที่พยายามทำงานร่วมกันให้การแข่งขันผ่านไปด้วย แต่สุดท้าย"ทีน่า" ไม่สามารถไปต่อได้อีกแล้ว เตะทุกเครื่องที่กระโดด จนต้องออกจากการแข่งขันผลไม่เป็นตามที่หวัง ทั้งๆ ที่ "ปรีดิ์อัญ" มั่นใจและมีความพร้อมกับการแข่งขันครั้งมากที่สุด!!!
แต่..กีฬาที่มี 2 ชีวิตอยู่ในสนาม ต้องหลอรวมเป็น"หนึ่งเดียว" คนพร้อม แต่ม้าไม่พร้อมก็ไปต่อไม่ได้ และในครั้งนี้"ทีน่า"แพนิค กับความยิ่งใหญ่ของสนาม ผู้คน กล้อง และเสียง ทั้งคู่จึงมิอาจเดินไปถึงเป้าหมายที่หวังไว้!!!!
"นี้คือกีฬาที่มี 2 ชีวิตต้องทำงานร่วมกัน คนพร้อม ม้าไม่พร้อม คนสู้แต่ม้าไม่ไหวก็ฝีนต่อไม่ได้ เราต้องมีหัวใจดวงใจกัน แต่ไม่ได้โทษม้าเลยเพราะ ทีน่า คือนักสู้ตัวจริง เค้าสู้มาตลอดการแข่งขันที่เราร่วมกันเดินมา เพียงแต่วันนั้นมันไม่ใช่วันของเรา ยอมรับว่าเสียใจ และผิดหวังมากกับผลแข่งที่ออกมา เป็นผลการแข่งขันที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับเรา ที่สำคัญเราหวังว่ามันจะออกมาดีกว่านี้ เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ เพราะทุ่มเทกับโอลิมปิกครั้งนี้มาก แต่ขี่ม้า มันเป็นกีฬาที่ต้องใช้หัวใจสองดวงเพื่อเตรียมพร้อม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันอยู่เหนือการควบคุมจริงๆ ทีน่า เค้าพยายามแล้ว แต่มันไปต่อไม่ได้ ทีน่ากลัว เครียด จนปรีดิ์ก็ไม่สามารถดึงทีน่ากลับมาได้ "
"สําหรับ ทีน่า เราไม่ได้ซ้อมไม่ได้แข่งกันมานานถึง 3 เดือน และรู้ว่า ทีน่า ต้องแบกรับความกดดันในการแข่งขันครั้งนี้มากแค่ไหน เพราะ ทีน่า ไม่ใช่ม้าที่ถูกเลือกไปแข่ง อลป. แต่เมื่อ ดีไลลา ไม่อยู่แล้ว ทีน่า ต้องแบกรับหน้าที่นี้ เราได้แข่งด้วยกัน 2 ครั้งก่อนแข่ง ทีน่า สู้เต็มที่แล้ว เพราะเรารู้ว่าเค้าพยายามที่จะทำในสิ่งที่เราต้องการ กระโดดทุกเครื่องแบบไม่ยอมแพ้ แม้ว่าทีน่า จะหลุดโฟกัสจากเครื่องไปแล้ว ตัวแข็งไปหมด แต่ด้วยจิตวิญญาณของนักสู้ ทีน่า ยังพร้อมที่จะกระโดดทุกเครื่อง เราทั้งสองสู้กันเต็มที่ในโอลิมปิกครั้งนี้"
"โอลิมปิกครั้งนี้ มันเป็นเหมือนบททดสอบที่รุนแรง เหมือนเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในโลกและมันให้เราได้เห็นคุณค่าของความสำเร็จอย่างแท้จริงว่า มันไม่ได้มาง่ายๆเลย รู้สึกเสียใจอย่างสุดๆ กับผลลัพธ์ที่ออกมา เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ทีมและหนูคิดไว้ หนูจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์อันพิเศษนี้ไว้และใช้มันโอบกอดตัวเองเพื่อให้มีพลังและความกล้าที่จะเดินหน้าต่อไปในอนาคต สู้เพื่อวันพรุ่งนี้ เพื่ออนาคตในโอลิมปิกอีก 4 ปีข้างหน้า เพื่อกลับไปปลดล็อคตัวเองอีกครั้ง"
โอลิมปิก 2024 คือความพ่ายแพ้ ที่จะเป็นแรงบันดาลใจนำไปสู่ความสำเร็จ คิดบวก อยู่กับความจริง อย่าละทิ้งความฝัน แล้วไปให้สุด เพราะไม่มีใครจะดับฝันเราได้ หากเราไม่ดับมันด้วยตัวเอง!!!!